คณะกรรมการจัดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 เห็นชอบเปลี่ยนสถานที่จัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของนักกีฬา

วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 5/2568 โดยมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ และโฆษกกระทรวงฯ, นายจักรพรรดิ์ คล่องพยาบาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ, นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีฯ, นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายวิษณุ ไล่ชะพิษ อธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ และผู้บริหาร กกท. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ที่ประชุมมีมติสำคัญดังนี้

การสนับสนุนนักกีฬาเมียนมา
เห็นชอบการยกเว้นค่าใช้จ่ายให้แก่คณะนักกีฬาสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 450 คน ในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 โดยมีเงื่อนไขว่าฝ่ายเมียนมาต้องส่งคณะนักกีฬาเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 850 คนขึ้นไป พร้อมมอบหมายให้ฝ่ายจัดการแข่งขันดำเนินการและรายงานผลต่อที่ประชุม

การแต่งตั้งเพิ่มเติมคณะกรรมการ
เห็นชอบแต่งตั้งนายจิรุตถ์ อิศรางกรู ณ อยุธยา และนายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการกำกับติดตามฯ และแต่งตั้งนายนิกร ซัจเดว เป็นกรรมการในคณะกรรมการฝ่ายสนับสนุนและบริการ

การเปลี่ยนสถานที่จัดพิธีเปิด–ปิดการแข่งขัน

กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33: เปลี่ยนสถานที่จัดพิธีเปิด–ปิดจากท้องสนามหลวงไปยัง ราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักกีฬาทุกชาติอย่างรัดกุม ขณะที่ท้องสนามหลวงจะใช้เป็นสถานที่จุดไฟคบเพลิงการแข่งขันแทน

กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13: จัดพิธีเปิด–ปิดที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ จังหวัดนครราชสีมา และใช้ลานย่าโมเป็นสถานที่จุดไฟคบเพลิงแทน

การเข้าร่วมการแข่งขันของกัมพูชา
ที่ประชุมรับทราบข้อห่วงใยจากประธานจัดการแข่งขันเกี่ยวกับการเดินทางมาร่วมแข่งขันของกัมพูชาในภาวะตึงเครียดทางการเมือง โดยผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศเสนอให้รอผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) ไทย–กัมพูชา ก่อนเพื่อประเมินท่าที

นายสรวงศ์ เทียนทอง กล่าวว่า การเปลี่ยนสถานที่จัดพิธีเปิด–ปิดการแข่งขันฯ ทั้งสองรายการ เป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่คณะนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้เข้าร่วมงาน พร้อมย้ำว่าประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพที่มีมาตรฐานและดูแลผู้เข้าร่วมจากทุกชาติอย่างดีที่สุด