ชี้แจงประเด็นทันสถานการณ์ประจำวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563 ข้อวิจารณ์ "โครงการกำลังใจ"
เผยแพร่เมื่อ 18 กรกฎาคม 2563

ข้าพเจ้า นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอชี้แจงประเด็นทันสถานการณ์ประจำวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563 ข้อวิจารณ์ "โครงการกำลังใจ" จากงบประมาณ พ.ร.ก.เงินกู้ฯ ตามที่ นางสาวสรัสนันท์ อรรณพพรส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.ท่องเที่ยว กล่าวถึง "โครงการกำลังใจ" เพื่อตอบแทนเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โดยให้แพกเก็จท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ว่าอาจส่อไปในทางทุจริต
1. การนำสิทธิ์แพกเก็จท่องเที่ยวมาผูกให้เจ้าหน้าที่ อสม. นั้น ผู้ประกอบการและ อสม.ต่างไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้
2. อสม. ถูกเรียกเก็บบัตรประชาชน เพื่อนำไปจองสิทธิ์ที่ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ และพบว่ามีการตั้งบริษัททัวร์ขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อผูกขาดรับงานโดยอาศัยความสัมพันธ์พิเศษกับผู้มีอำนาจ
3. สมาคมผู้ประกอบการทัวร์เห็นว่า โครงการนี้ไม่ได้สะท้อนความเป็นไปได้ หรือเปิดโอกาสรับฟังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แถมยังเอื้อประโยชน์ให้คนเฉพาะกลุ่ม
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าโครงการ "กำลังใจ" จะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ที่มาที่ไป (เรื่องเดิม)ของปัญหา
1. การนำสิทธิ์แพกเก็จท่องเที่ยวมาผูกให้เจ้าหน้าที่ อสม. นั้น ผู้ประกอบการและ อสม.ต่างไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้
ข้อเท็จจริง สภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
วัตถุประสงค์ของโครงการ "กำลังใจ" เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรสมาชิก อสม. รพ.สต. และ อสส. ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี และมีบทบาทสำคัญยิ่ง ด้วยการทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล ยกระดับงานสาธารณสุขให้สามารถทำงานเชิงรุกควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้ง โครงการ "กำลังใจ" เป็นการกระตุ้นการเดินทางจากภาครัฐโดยตรงซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวยาผู้ประกอบการและบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบให้สามารถประคองธุรกิจและประกอบอาชีพได้ โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงาน (2 วัน 1 คืน) คนละ 2,000 บาท เดินทางโดยใช้บริการของบริษัทนำเที่ยวในประเทศที่มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
การแก้ไขปัญหา(ตอบโจทย์ข้อสงสัยได้ครบถ้วน)
โครงการนี้มุ่งหวังที่จะตอบแทนบุคลากร อสม. รพ.สต. อสส. ที่เสียสละทุ่มเท ให้มีโอกาสผ่อนคลายในการเดินทางดูงานโดยให้บริษัทนำเที่ยวเข้ามาจัดการเดินทาง ไม่ต้องเป็นภาระของบุคลากร
ที่มาที่ไป (เรื่องเดิม)ของปัญหา
2. อสม. ถูกเรียกเก็บบัตรประชาชน เพื่อนำไปจองสิทธิ์ที่ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ และพบว่ามีการตั้งบริษัททัวร์ขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อผูกขาดรับงานโดยอาศัยความสัมพันธ์พิเศษกับผู้มีอำนาจ
ข้อเท็จจริง สภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ความรัดกุมของการดำเนินการ
- ขั้นตอนแรก บริษัทนำเที่ยวจะต้องจดทะเบียนผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว ก่อนวันที่ 1 มกราคม2563 เท่านั้น เพราะเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์จริง ไม่สามารถจัดตั้งบริษัทใหม่มาผูกขาดได้
- ขั้นตอนที่สอง บุคลากร อสม. รพ.สต. อสส. ต้องเปิดแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทยเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันเดินทางกับแอปพลิเคชั่น "ถุงเงิน" ธนาคารกรุงไทยของบริษัทนำเที่ยว
- สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวพิจารณาตรวจสอบคุณภาพของรายการนำเที่ยว ทั้งนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว บริษัทไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงรายการนำเที่ยวได้
- เมื่อรายการนำเที่ยวผ่านการตรวจสอบ และบริษัทลงทะเบียนแอปพลิเคชั่นถุงเงินเรียบร้อยแล้ว จึงจะนำรายการนำเที่ยวขึ้นเสนอใน www.เที่ยวปันสุข.ไทย ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2563
- ในช่วงวันที่เดินทางจริง (ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม - 31 ตุลาคม 2563) บริษัทนำเที่ยวจะต้องใช้แอปพลิเคชันถุงเงิน สแกน QR Code ของแอปพลิเคชันเป๋าตังของคณะเดินทางทุกคน (อสม. รพ.สต. และ อสส.) เพื่อยืนยันพิกัดการเดินทางจำนวน 2 ครั้ง ในวันแรกและวันที่สอง และใช้เป็นหลักฐานสำคัญประกอบการเบิกค่าใช้จ่าย
- บริษัทนำเที่ยวจะต้องเก็บหลักฐานการเดินทางของคณะในรูปแบบเอกสาร เป็นระยะเวลา 1 ปี และสามารถนำมาแสดงในกรณีที่ได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมได้ อาทิ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว,รายการนำเที่ยว ไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน รายชื่อผู้เข้าพักรับรองโดยทางโรงแรม ประกันอุบัติเหตุและภาพถ่ายหมู่ของคณะจำนวน 4 ภาพ
การแก้ไขปัญหา(ตอบโจทย์ข้อสงสัยได้ครบถ้วน)
- ประการแรก การที่มีการกำหนดคุณสมบัติของบริษัทนำเที่ยวที่มีสิทธิ์เข้าร่วมเสนอรายการนำเที่ยวในโครงการ "กำลังใจ" ว่าต้องเป็นบริษัทนำเที่ยวต้องจดทะเบียนผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เนื่องจากเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นผู้ประกอบการนำเที่ยวที่แท้จริง และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ในกรณีที่จะมีหน่วยงานในระดับตำบลหรือจังหวัด หรือในท้องถิ่นตั้งบริษัทนำเที่ยว เป็นการเฉพาะ เพื่อแสวงหาประโยชน์ในโครงการนี้
- ประการที่สอง การยืนยันตัวตนและการเดินทางจะใช้ระบบสแกนแอปพลิเคชั่นของธนาคารกรุงไทยทุกคนโดยไม่ได้ใช้เพียงบัตรหรือรายชื่อเท่านั้น
ที่มาที่ไป (เรื่องเดิม)ของปัญหา
3. สมาคมผู้ประกอบการทัวร์เห็นว่า โครงการนี้ไม่ได้สะท้อนความเป็นไปได้ หรือเปิดโอกาสรับฟังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แถมยังเอื้อประโยชน์ให้คนเฉพาะกลุ่ม
ข้อเท็จจริง สภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ททท. ทำงานร่วมกับภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมทั้งในเชิงระบบกับธนาคารกรุงไทย โดย ททท. ได้มีการร่วมประชุมกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
การแก้ไขปัญหา(ตอบโจทย์ข้อสงสัยได้ครบถ้วน)
ททท. ได้รับฟังเสียงของผู้เกี่ยวข้องในโอกาสต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่ม อสม รพ.สต อสส ผ่านผู้แทนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สธ. ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ต้นสังกัดของบุคลากรต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประโยชน์สูงสุดในการสร้างขวัญกำลังใจครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ททท. ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ได้ประชุมรับฟังและวางแผนงานกับกลุ่มผู้ประกอบการ ทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ ในหลาย ๆ วาระ เพื่อกำหนดคุณภาพ มาตรฐานการบริการ การตรวจสอบการเดินทางจริงให้รัดกุมที่สุด โดยในการประชุมร่วมครั้งล่าสุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรวบรวมบุคลากรไปยังธุรกิจรายใดรายหนึ่ง ได้มีข้อตกลงที่จะร่วมกันกำหนดจำนวนบุคลากรมากสุด ที่แต่ละบริษัทจะสามารถรับไปดำเนินการได้แต่ต้องไม่เกินจำนวนดังกล่าวเพื่อให้เกิดการกระจายโอกาสอย่างแท้จริงอีกประการหนึ่งด้วย
