1.  รมว.กก กล่าวว่า เคยไปสาธารณรัฐชิลีเมื่อ 20 ปีที่แล้วและเห็นว่าชิลีเป็นประเทศที่สวยงาม เอกอัครราชฯ ได้กล่าวเชิญชวนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปสาธารณรัฐชิลีอีกครั้ง โดยกล่าวว่า ในขณะนี้ สาธารณรัฐชิลีได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยมีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ตลอดจนมีความทันสมัยมากขึ้น

2.   เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า การเดินทางจากชิลีมาประเทศไทยนั้น ต้องใช้เวลาถึง 30 ชั่วโมง เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรง โดยเส้นทางที่สั้นที่สุดคือต้องผ่านเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง และใช้เวลาน้อยกว่าการเดินทางผ่านสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป และได้แสดงความหวังว่า ในอนาคตจะมีเส้นทางบินตรงระหว่างชิลีและประเทศไทยในอนาคต

3. รมว.กก ได้กล่าวถึงความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ซึ่งไทยและชิลีได้ลงนามร่วมกัน ในการนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวตอบว่ายังไม่มีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ ดังกล่าว โดยขณะนี้มีความประสงค์ที่จะนำนักเรียนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเรียนรู้ด้านการท่องเที่ยว และปัจจุบันก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวของชิลีมาประเทศไทยมากขึ้นด้วย เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา

4.  เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าชิลีได้ลงนาม Agreement on Working Holiday กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เนื่องจากมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 และจากความตกลงดังกล่าว ได้มีการเสนอทุนให้นักเรียนหรือนักศึกษาไปเรียนภาษาอังกฤษใน 2 ประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อนักเรียนหรือนักศึกษาที่ได้ทุนไปศึกษาใน 2 ประเทศดังกล่าว และจบการศึกษาก็จะแวะท่องเที่ยวประเทศไทยก่อนเดินทางกลับชิลีด้วย

            5. เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า จะพยายามใช้ประโยชน์จากความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวให้มากที่สุด แต่ต้องมีการพิจารณารูปแบบของความร่วมมือก่อนโดยอาจเป็นในด้านการนำเจ้าหน้าที่จากชิลีมาไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวกับผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทย