ข่าวสารล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมชี้แจงการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งงานของหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงฯ พร้อมด้วยผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นางสาวนัทรียา กล่าวว่า การปรับปรุงบทบาทและภารกิจของหน่วยงานในสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเหมาะสมกับบริบทการทำงานของกระทรวงฯ ซึ่งถือเป็นกระทรวงสำคัญที่มีบทบาทในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ การปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล การประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมพิจารณาและแสดงความคิดเห็น เพื่อให้การปรับปรุงโครงสร้างเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมและตอบโจทย์ภารกิจของกระทรวงฯ อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ทุกฝ่ายแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการดำเนินการปรับปรุงครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง เพื่อพัฒนากระบวนการทำงานและสร้างผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนในอนาคต #นัทรียาทวีวงศ์ #ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา #mots_thailand #สรวงศ์เทียนทอง #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา #ไปให้สุดไปกับบอย #เที่ยว #ท็อปนำเที่ยว
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม การประชุมครั้งนี้มีวาระสำคัญเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1. แนวทางความร่วมมือในการจัดทำแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 เพื่อส่งเสริมประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและกีฬา 2. การปรับปรุงแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา (พ.ศ. 2566 - 2570) 3. การทบทวนบทบาทของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยวอันดามันอย่างยั่งยืน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ 4. การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อเร่งรัดและสนับสนุนการดำเนินงานในระดับพื้นที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและการใช้ศักยภาพของแต่ละพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมแสดงความพร้อมของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นในระดับโลก ทั้งนี้ ผลการประชุมจะถูกนำไปดำเนินการต่อยอดเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวไทยในมิติต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในอนาคต
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องรับรองกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดโอกาสให้คณะ Influencer จากเมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ Social Media ชื่อดังที่มีผู้ติดตามมากกว่า 50 ล้านคน เข้าพบเพื่อหารือแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและจีน นายจักรพล กล่าวว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดสำคัญ โดยในอดีตมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยกว่า 7-8 ล้านคนต่อปี และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญในประเด็นที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความสนใจ เช่น เรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและจีน ซึ่งจะครบรอบ 50 ปีในปี 2568 โดยได้ยกตัวอย่างการส่งหมีแพนด้ามาเป็นทูตสันถวไมตรี พร้อมทั้งกล่าวถึงนโยบาย 5 Must Do เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย และในปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา "Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025" ทีม Influencer จากจีนได้กล่าวถึงประสบการณ์ที่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยสถานที่ที่ประทับใจเป็นพิเศษ ได้แก่ วัดพระแก้ว และจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งชื่นชมความโดดเด่นด้านการบริการและน้ำใจไมตรีของคนไทยที่สร้างความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม พร้อมทั้งกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่นักท่องเที่ยวจีนนึกถึงเมื่อวางแผนเดินทางต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านอาหารไทย การช้อปปิ้ง ข้าวหอมมะลิ และผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีน ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวขอบคุณนักท่องเที่ยวจีนผ่าน Influencer กลุ่มนี้ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านการช้อปปิ้ง พร้อมย้ำว่าเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยตระหนัก และได้ฝากให้ฝ่ายจีนช่วยประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมของประเทศไทยที่สามารถท่องเที่ยวได้ทุกวัน ทุกฤดู และทุกจังหวัด และในโอกาสสำคัญแห่งความสัมพันธ์ไทย-จีนที่จะครบรอบ 50 ปีในปี 2568 ฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและความร่วมมือในทุกมิติ โดยเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้น เพื่อสร้างสายสัมพันธ์อันดีที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ประเทศไทยยืนยันความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนด้วยความอบอุ่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า "Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025" จะเป็นอีกหนึ่งแคมเปญสำคัญในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและนักท่องเที่ยวทั่วโลก #ไปให้สุดไปกับบอย #ไปให้สุด #ท็อปนำเที่ยว #ผู้ช่วยท็อป #ผู้ช่วยรัฐมนตรีท่องเที่ยว #เที่ยว #เที่ยวไปเรื่อย #จักรพลตั้งสุทธิธรรม #สรวงศ์เทียนทอง
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดตัวโครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” ณ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่เข้าร่วม อาทิ นายจักรพรรดิ์ คล่องพยาบาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อผลักดันย่านเมืองเก่าภูเก็ตให้ก้าวสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 ผ่านการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการขยะอย่างยั่งยืน และสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในทุกภาคส่วน นายสรวงศ์ เทียนทอง กล่าวในพิธีเปิดว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญกับ Responsible Tourism โดยมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การริเริ่มโครงการ ‘Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030’ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแบบอย่างการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และตอบสนองเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศในปี 2593 โครงการนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบสำหรับพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่รักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายโสภณ สุวรรณรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภูเก็ตเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของประเทศไทยที่ต้องเผชิญความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรฐานสากล โครงการนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะยกระดับภูเก็ตสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างยั่งยืน” โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน เทศบาลนครภูเก็ต และสำนักงานข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ผ่านการวางระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะเพื่อตรวจวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการสนับสนุนเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ในพื้นที่ นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือจากชุมชนผ่านการแยกขยะ 4 ประเภท ได้แก่ ขยะเผาทำลาย ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล และไขมันจากถังดักไขมัน เพื่อจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบ และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด นายสรวงศ์ยังได้ประกาศสนับสนุนให้ภูเก็ตเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมท่องเที่ยวยั่งยืนโลกในปี 2569 ซึ่งจะยิ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในบทบาทของภูเก็ตในฐานะต้นแบบเมืองท่องเที่ยวที่ยั่งยืนระดับสากล ในช่วงท้ายของงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะผู้บริหาร ได้เยี่ยมชมถนนคนเดินย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนและบรรยากาศของการท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันโดดเด่นของภูเก็ต พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนอย่างแท้จริง โครงการ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองต้นแบบของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และสร้างแรงบันดาลใจให้พื้นที่อื่น ๆ เดินหน้าสู่อนาคตที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง #ไปให้สุด กับ #รัฐมนตรีสรวงศ์ #Sorawongthienthong #รมวสรวงศ์ #รมตสรวงศ์ #Mots #Mots_Thailand #กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา #ท่องเที่ยว #กีฬา #Tourism #Sports #Thailand #เที่ยว #เที่ยวไปเรื่อย
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมฉลอง 44 ปี สยามอะเมซิ่งพาร์ค ชูบทบาทขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานฉลองครบรอบ 44 ปี สยามอะเมซิ่งพาร์ค ณ ชายหาดทะเลกรุงเทพฯ โดยมี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ดร.ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานที่ปรึกษากลุ่มบริษัทสยามพาร์คซิตี้ นายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพาร์ค บางกอก จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ในโอกาสนี้ นายสรวงศ์ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของสยามอะเมซิ่งพาร์คในฐานะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 4 ทศวรรษ “ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นการพัฒนาและความมุ่งมั่นของทีมงานที่สามารถทำให้สยามอะเมซิ่งพาร์คเป็นจุดหมายปลายทางที่ครองใจนักท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย” รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ยังกล่าวถึงพันธกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่มุ่งพัฒนาและขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมขอบคุณสยามอะเมซิ่งพาร์คที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของกระทรวงมาโดยตลอด กิจกรรมในงานมีมากมายรวมถึงเครื่องเล่นมาตรฐานระดับโลกกว่า 30 ชนิด การชมทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้รับการรับรองจาก Guinness World Records และเดินเที่ยวบางกอกเวิลด์ โซนจำลองกรุงเทพฯ ในอดีตที่เต็มไปด้วยบรรยากาศย้อนยุคและสินค้าท้องถิ่น
บ่ายวันที่ (22 พฤศจิกายน 2567) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) (นายสรวงศ์ เทียนทอง) พร้อมด้วยประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ผทท.) (นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์) ให้เกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดคูหาประเทศไทย ในงาน China International Travel Mart (CITM) 2024 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน คูหาประเทศไทยในงาน CITM 2024 ตกแต่งภายใต้แนวคิด “Let’s Have Fun in Amazing Thailand” โดยนำเสนอความสนุกสนานแบบไทย ๆ เจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม Gen Z, Young Millennials, Ladies ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพสูงและมีสัดส่วนจำนวนมากในพื้นที่ตลาดนครเซี่ยงไฮ้ ภายในคูหาประกอบด้วย การแสดงทางวัฒนธรรม สาธิตหัตถกรรมไทย นวดรักษาแพทย์แผนไทย แต่งกายชุดนักเรียน ชุดไทย ในจุด Photobooth และเล่นเกมสอยดาวชิงรางวัลของที่ระลึกผลิตภัณฑ์ของไทย นอกจากนี้ ททท. ยังได้ผนึกกำลังพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทย จำนวน 50 ราย ซึ่งมาจากจุดหมายปลายทางหลัก เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม เพื่อนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวและโปรโมชั่นพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้ ททท. ยังได้เปิดตัวแคมเปญ โหยว ไท่ กว๋อ - เยว่ หวาน เยว่ ชิง ซิน หรือ “เที่ยวเมืองไทย ยิ่งเที่ยว ยิ่งติดใจ” เพื่อนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวไทยที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ สร้างประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและน่าประทับใจ จนทำให้นักท่องเที่ยวหลงรักเมืองไทย เกิดการบอกต่อ และเดินทางซ้ำเพื่อค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างไม่รู้จบ ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวจะถูกใช้เป็นทิศทางสำคัญในการดำเนินกิจกรรมในตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง งาน CITM 2024 มีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 องค์กรจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้นำเสนอศักยภาพและสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงและมีกำลังซื้อสำคัญ การเข้าร่วมงานครั้งนี้ ยังเป็นการเตรียมพร้อมสู่ปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ที่มุ่งยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวไทยให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจีน พร้อมกระตุ้นการเดินทางซ้ำและสร้างความผูกพันต่อประเทศไทยในระยะยาว
รมว.ท่องเที่ยวนำทีม หารือเชิงลึกกับผู้นำท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน (handshake) และไทย-เกาหลี (handshake) : เสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงแรม InterContinental Shanghai Hongqiao นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำโดย นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ และนายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายจางเจิ้ง รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ นายยูอินชอน ในโอกาสสำคัญที่เสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (handshake)ประเด็นหารือความร่วมมือไทย-จีน: มุ่งสู่การเฉลิมฉลอง 50 ปีแห่งมิตรภาพ (5 candle)(0 candle) การพบปะครั้งนี้ รมว.กก. ได้แสดงความยินดีต่อกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนที่ประสบความสำเร็จในการจัดงาน China International Travel Mart 2024 (CITM 2024) พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Free) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระดับประชาชนระหว่างสองประเทศ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทยและจีนยังได้หารือแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพ โดย รมว.กก. จะขอเรียนเชิญนายซุนเย่หลี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนเยือนไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีนเดือนมกราคม 2568 เพื่อสัมผัสบรรยากาศเฉลิมฉลอง พร้อมทั้งหารือถึงโครงการความร่วมมือระหว่างกัน เช่น (*)การยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย สู่การเป็น World Class Destination โดยประเทศไทยมีความพร้อมในการต้อนรับและดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีนเสมือนครอบครัวเดียวกัน (*)การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่าน Nihao Month ซึ่ง กก. และ ททท. กำหนดจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมตลอดทั้งปี อาทิ เทศกาลตรุษจีน กิจกรรมคาราวานรถยนต์สานสัมพันธ์ไทย-จีน งานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ฯลฯ (*)การผลักดันบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความร่วมมือในด้านท่องเที่ยว วัฒนธรรม กีฬา และการลงทุน เพื่อสนับสนุนความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้น ทั้งนี้ รมว.กก. กล่าวทิ้งท้ายว่ารัฐบาลไทยยังได้เน้นถึงการพัฒนา Soft Power และสนับสนุนการเพิ่มเที่ยวบินตรงจากเมืองรองของจีนมายังไทย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ และขอให้ฝ่ายจีนช่วยสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้เกิดการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกัน (handshake)ความร่วมมือไทย-เกาหลีใต้: ฉลอง 66 ปีแห่งมิตรภาพอันยาวนาน (6 candle)(6 candle) การพบปะกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ในครั้งนี้ได้ย้ำถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในโอกาสครบรอบ 66 ปี ไทยและเกาหลีใต้มีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคุณภาพ พร้อมส่งเสริม Soft Power ผ่านกระแส T-Pop และ K-Pop ซึ่งสะท้อนถึงมิตรภาพด้านวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างสองประเทศ และขยายเส้นทางการบินใหม่ไปยังสนามบินในภูมิภาค เช่น เชียงราย อุดรธานี และกระบี่ รวมถึงเพิ่มเที่ยวบินจากเมืองรองในเกาหลี เช่น ปูซาน และเจจู เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว (thumbtack)ในโอกาสการพบปะหารือกับผู้นำด้านการท่องเที่ยวระหว่าง ไทย-จีน และ ไทย-เกาหลี ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยยืนยันถึงความตั้งใจของไทยในการพัฒนาสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก พร้อมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เหนือระดับ ตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะผู้นำด้านการท่องเที่ยว ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อความร่วมมือที่ยั่งยืนในอนาคต
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มอบนโยบาย 5 ททท. สำนักงานจีน เสนอขายมาตรฐานการบริการบนพื้นฐานแห่งความปลอดภัยเพื่อสร้างประสบการณ์ และความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ตอบโจทย์ Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 ด้วยจำนวน 8.8 ล้านคน สร้างรายแก่ผู้ประกอบการไทย ไม่น้อยกว่า500,000 ล้านบาท -------------------------------------------------- วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2567) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการตลาดการท่องเที่ยว ให้ 5 ททท.สำนักงานจีน ทั้ง สนง.ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉินตู และกว่างโจว บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรเพื่อนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน ส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ โดยเน้นการยกระดับแนวทางการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน พร้อมทั้งการสื่อสารข้อมูลข่าวสารเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยตลอดปี 2568 จำนวน 8.8 ล้านคน ผลักดันแคมเปญ Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 สู่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลให้เน้นแฟ้นยิ่งขึ้น ในขณะที่ นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ประธานกรรมการ ททท. และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่า ททท. ได้เน้นยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยยังคงรักษาความเป็น Top of Mind Destination ในกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short Haul) ทั้งตลาดจีนและตลาดศักยภาพ ด้วยการสร้างแพ็คเกจท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มร่วมกับบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ การรักษา Seat Capacity ร่วมกับสายการบินพันธมิตร การโปรโมทผ่านโซเชียลมีเดียร่วมกับ OTA ตลาดจีน การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยร่วมกับสื่อมวลชนจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาทางการทูตระหว่างไทยและจีน ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันตลอดปี 2568 คาดว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อให้บรรลุนโยบายการตลาด ททท. เตรียมนำเสนอแคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย ยิ่งไป ยิ่งติดใจ” หรือ “游泰国越玩越倾心” เพื่อบริหารความท้าทายด้านเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ การเติบโตของคู่แข่งรายใหม่ และช่วงชิงโอกาสตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ทั้งกลุ่มผู้เกษียณอายุ กลุ่มข้าราชการ กลุ่มนักกีฬา กลุ่ม Fandom กลุ่มกิจกรรมบันเทิงและสันทนาการ กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้หญิง กลุ่มผู้ถือหนังสือเดินทางรายใหม่ และกลุ่มคาราวาน ตอบโจทย์นโยบาย “Thailand Tourism Hub” ของรัฐบาล #AmazingThailand #ThailandGrandTourismSportYear2025
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.30 น. Lord Vaea รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในราชอาณาจักรตองกาและคณะ ได้เข้าพบหารือกับ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ ห้องรับรอง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี ดร.วนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายจรูญ แก้วมุกดากุล รองอธิบดีกรมพลศึกษา นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย และพันตำรวจโท กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ การหารือครั้งนี้ถือเป็นเวทีทวิภาคีด้านกีฬาครั้งแรกระหว่างไทยและตองกา โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือใน 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ด้านกีฬา ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายด้านกีฬาที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละประเทศ พร้อมหารือแนวทางที่ตองกาสามารถนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาวงการกีฬาในประเทศ 2.การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านกีฬา ฝ่ายไทยได้เสนอแนะแนวทางการฝึกอบรมและเพิ่มศักยภาพบุคลากรกีฬาในทุกระดับ ตั้งแต่โค้ช นักกีฬา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่ายไทยได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย เพื่อลดอาการบาดเจ็บ และสนับสนุนให้นักกีฬาสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง 3.การส่งเสริมนักกีฬาเพื่อการแข่งขันระดับนานาชาติ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการพัฒนาความร่วมมือเพื่อส่งเสริมนักกีฬาในการแข่งขันระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมทั้ง แนวคิดเรื่องการแลกเปลี่ยนนักกีฬา และการฝึกซ้อมร่วมกัน โดยเน้นการพัฒนานักกีฬาระดับเยาวชนเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ระดับอาชีพและการแข่งขันระดับสากล พร้อมพูดคุยถึงความร่วมมือในการจัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาที่สามารถเชื่อมโยงสองประเทศ และขยายความร่วมมือไปยังระดับภูมิภาคแปซิฟิก 4.การพัฒนารักบี้ ตองกาได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนากีฬารักบี้ ซึ่งเป็นกีฬาที่ตองกามีความเชี่ยวชาญระดับโลก โดยเฉพาะด้านการสร้างความแข็งแกร่งของนักกีฬาและการเตรียมตัวแข่งขันในระดับสากล โดยฝ่ายไทยแสดงความสนใจเรียนรู้เทคนิคดังกล่าวเพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนานักกีฬารักบี้ของไทย 5.กีฬาเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนแนวทางการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนและเสริมสร้างความสามัคคีในประเทศ โดยไทยได้นำเสนอแนวคิดการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างสร้างสรรค์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาตัวอย่างที่ดีที่สุดด้านการกีฬา (Best Practice) อาทิ ความสำเร็จในกีฬาเทควันโด วอลเลย์บอล มวยสากล ยกน้ำหนัก และแบดมินตัน พร้อมนำเสนอแนวทางการพัฒนากีฬาเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว การหารือครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านกีฬาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาเยาวชนและสุขภาพของประชาชน โดย Lord Vaea กล่าวถึงการเยือนไทยครั้งนี้ว่า “นี่เป็นการมาเยือนประเทศไทยครั้งแรกของข้าพเจ้า รู้สึกประทับใจในมิตรไมตรีของคนไทยมาก การหารือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในริเริ่มความร่วมมือด้านกีฬา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างมิตรภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในทั้งสองประเทศ” นายจักรพล กล่าวปิดท้ายว่า “ประเทศไทยยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกับราชอาณาจักรตองกาในการพัฒนาด้านกีฬาในอนาคต โดยเฉพาะกีฬารักบี้ ซึ่งตองกามีความเชี่ยวชาญ เราเชื่อมั่นว่ากีฬาคือเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างโอกาสให้กับเยาวชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และนี่จะเป็นก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-ตองกา ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือด้านกีฬาที่ยั่งยืนในอนาคต” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือด้านกีฬา สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา www.mots.go.th หรือเฟซบุ๊กกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายจักรพรรดิ์ คล่องพยาบาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตรวจเยี่ยมและร่วมหารือกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสมาคมฯ ให้การต้อนรับ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น และ เป็นกันเอง โดย “มาดามแป้ง” นายกสมาคมฯ เป็นผู้นำ ในการพาเยี่ยมชมทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 พื้นที่ทำงานสมาคมฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด , ห้องปฏิบัติการจัดการแข่งขัน , ห้องจับสลากผู้ตัดสิน , ห้อง VAR , ห้องอบรม และสันทนาการ , ชั้น 2 ห้องประชุม และ สนามฟุตซอลขนาดมาตรฐาน ในฐานะสนามซ้อมของทีมชาติไทยทุกชุด นอกจากนี้ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังถือโอกาสเข้าร่วมประชุม และ รับฟังแนวทางพัฒนาฟุตบอลของสมาคมฯ ในทุกชุดของฟุตบอลชาย และ ฟุตบอลหญิง ทั้งระดับเยาวชน และ ชุดใหญ่ โดย นายกสมาคมฯ ยังได้ฉายภาพให้เห็นถึงเป้าหมายสำคัญ ของ ทีมชาติไทย 2 ชุด ที่ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นไปฟุตบอลโลก ประกอบด้วย ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่มีเป้าหมาย ผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิล ในปี 2027 โดยจะเริ่มคัดเลือก วันที่ 23 มิถุนายน-5 กรกฎาคม 2568 และ ฟุตบอลชายทีมชาติไทย U17 ที่มีเป้าหมาย ไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ในปี 2025 โดยจะเริ่มคัดเลือก ในรอบสุดท้าย ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย วันที่ 3-20 เมษายน 2568 รวมถึงแผนฟุตบอลเยาวชนในระดับรากหญ้า และการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนทุกรุ่นอายุ ซึ่งถือเป็นฐานรากที่สำคัญของการพัฒนาฟุตบอลไทยทั้งระดับ โดย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่าพร้อมพิจารณาการสนับสนุนทุกด้านแก่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ รวมถึงทุกสมาคมกีฬาอย่างเต็มที่ ภายใต้แนวคิดของ นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศไว้แล้วว่าจะใช้กีฬา เป็นสื่อกลางในการพัฒนาสังคม และ ประเทศ รวมถึงใช้กีฬาเป็นทูต ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 2503 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการโฆษกกระทรวง ครั้งที่ 1/2567 โดยมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยโฆษกและผู้แทนจากทุกกระทรวงร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ในที่ประชุม นายจิรายุ ได้แจ้งถึงทิศทางการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่มุ่งเน้นให้ทุกหน่วยงานร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นข้อสงสัยต่าง ๆ ที่สังคมอาจมีความเคลือบแคลง เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกต่อประชาชน ทั้งนี้มีการเสนอแนวคิด "ข่าวดีประเทศไทย" ซึ่งเป็นการนำเสนอข่าวดีจากหน่วยงานต่าง ๆ ในแต่ละสัปดาห์ โดยขอให้แต่ละกระทรวงส่งเรื่องราวที่เป็น "ข่าวดีๆ" มายังสำนักโฆษกอย่างน้อย 1 เรื่อง เพื่อขยายผลประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณชน นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ได้กล่าวในที่ประชุมว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายินดีสนับสนุนต่อแนวนโยบายดังกล่าว รวมถึงการเชื่อมโยงลิงค์รายการ "เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า" ไปยังช่องทางโซเชียลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าถึงไปยังประชาชนให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายจักรพล ยังได้กล่าวถึงแนวทางสำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปี 2568 โดยเตรียมกำหนดให้เป็นปี "Amazing Thailand Grand Tourism and Sport 2025" เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งการประชุมในครั้งนี้แสดงถึงความพร้อมของทุกหน่วยงานในการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์เชิงรุกของรัฐบาล ที่จะเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และน่าเชื่อถือเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมในวงกว้างต่อไป
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งที่ 1/2568 โดยมีผู้แทนจากทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วม ในการประชุมดังกล่าว นายจักรพลได้มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ พร้อมเน้นย้ำจะเดินหน้าการประชาสัมพันธ์เชิงรุก และความสำคัญของการพัฒนากระบวนการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของกระทรวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการสำคัญ แนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกต่อองค์กร การประชุมนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานในสังกัดได้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน ทั้งในส่วนของโครงสร้างงาน ภารกิจสำคัญ และปัญหาอุปสรรคที่พบ พร้อมร่วมกันวางแผนเพื่อพัฒนากลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของกระทรวงให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิทัล โฆษกจักรพล กล่าวปิดท้ายว่า “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและกีฬาให้ก้าวหน้า การสื่อสารที่ชัดเจนและตรงเป้าหมายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องเข้าใจและมีส่วนร่วมในนโยบายและโครงการต่าง ๆ ของกระทรวง เราจะร่วมมือกันผลักดันให้การประชาสัมพันธ์ของกระทรวงเข้มแข็งและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อไป”