ข่าวสาร

ข่าวสารล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

การประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ครั้งที่ 3/2567
ข่าวเด่นวันนี้5 เม.ย. 2567

การประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ครั้งที่ 3/2567

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 เวลา 13.30 น. นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ครั้งที่ 3/2567 โดยมี นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง นางสาวอุบลวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการกองทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

อ่านต่อ →
ก.ท่องเที่ยวฯ จับมือ รถไฟฟ้า รฟท. และ ขสมก. อำนวยความสะดวก นทท.ผ่านระบบ “Ease of Traveling” บน Web Portal : Entry Thailand
ข่าวเด่นวันนี้5 เม.ย. 2567

ก.ท่องเที่ยวฯ จับมือ รถไฟฟ้า รฟท. และ ขสมก. อำนวยความสะดวก นทท.ผ่านระบบ “Ease of Traveling” บน Web Portal : Entry Thailand

วันที่ 5 เมษายน 2567 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือในการบูรณาการระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง โดยมีนายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด และนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ร่วมลงนาม ในโอกาสนี้นายสุพจน์ วงศ์จรัสรวี คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวปิยะดา ปุณณกิติเกษม โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.วนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย

อ่านต่อ →
การประชุมคณะอนุกรรมการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ครั้งที่ 1/2567
ข่าวเด่นวันนี้4 เม.ย. 2567

การประชุมคณะอนุกรรมการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ครั้งที่ 1/2567

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 09.30 น. นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ครั้งที่ 1/2567 โดย อธิบดีกรมการท่องเที่ยวมอบหมายให้ นางณัฏฐิรา แพงคุณ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายอธึก ประเสนมูล ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการ เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting)

อ่านต่อ →
สมาคมมวยทีมชาติเยอรมนี เลือกหัวหินเป็นที่เก็บตัวฝึกซ้อมครั้งสุดท้าย ก่อนไปโอลิมปิก
ข่าวเด่นวันนี้4 เม.ย. 2567

สมาคมมวยทีมชาติเยอรมนี เลือกหัวหินเป็นที่เก็บตัวฝึกซ้อมครั้งสุดท้าย ก่อนไปโอลิมปิก

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 สมาคมมวยทีมชาติเยอรมัน ได้เข้าพบหารือกับ นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ คณะที่ปรึกษา รมว.กก. ผู้แทนการกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในประเด็นการเก็บตัวฝึกซ้อมของนักกีฬามวยต่างประเทศในไทย โดยมีจำนวนนักกีฬามวยกว่า 150 คน จาก 15 ประเทศ จะเข้ามาเก็บตัวฝึกซ้อมรอบสุดท้ายก่อนเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งจะเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยเพื่อเข้าเก็บตัวระหว่างวันที่ 6 -21 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรม เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท และ สปา

อ่านต่อ →
การประชุมคณะทำงานจัดทำรายงานประจำปี พ.ศ. 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่1/2567
ข่าวเด่นวันนี้3 เม.ย. 2567

การประชุมคณะทำงานจัดทำรายงานประจำปี พ.ศ. 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่1/2567

การประชุมคณะทำงานจัดทำรายงานประจำปี พ.ศ. 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วันที่ 3 เมษายน 2567 เวลา 13.30 น. นางสาววนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการการประชุมคณะทำงานจัดทำรายงานประจำปี พ.ศ. 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ 1/2567 โดยมีคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยคณะทำงานได้มีการหารือเกี่ยวกับหัวข้อ รูปแบบ และพิจารณาประเด็นข้อมูลการจัดทำรายงานประจำปี พ.ศ.2566 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำหรับหน่วยงานในสังกัด เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลงานและภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา

อ่านต่อ →
“เศรษฐา-สุดาวรรณ” ปักหมุดการท่องเที่ยวไทยปี 2025 ต้องปังกว่าเดิม
ข่าวเด่นวันนี้2 เม.ย. 2567

“เศรษฐา-สุดาวรรณ” ปักหมุดการท่องเที่ยวไทยปี 2025 ต้องปังกว่าเดิม

“เศรษฐา-สุดาวรรณ” ปักหมุดการท่องเที่ยวไทยปี 2025 ต้องปังกว่าเดิม นายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 ตามนโยบาย IGNITE Thailand ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) และเป็นจุดหมายปลายทาง (Destination) ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก “สุดาวรรณ” เปิด 5 กลยุทธ์ก้าวต่อไปในปี 2025 “ปักหมุดการท่องเที่ยวไทยปีหน้าต้องปังกว่าเดิม” เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 ตามนโยบาย IGNITE Thailand ที่ต้องการผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) และเป็นจุดหมายปลายทาง (Destination) ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดทำ Workshop IGNITE Thailand’s Tourism เพื่อระดมความคิดเห็น และร่วมแบ่งปันประสบการณ์จากบุคลากรทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนได้ร่วมกันจุดพลังเพื่อโชว์ให้โลกรู้ว่า “How Amazing We Are” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 9.4 ล้านคน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 6.6 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 42 ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ก้าวต่อไปในปี 2025 เราต้อง “ปักหมุดการท่องเที่ยวไทยปีหน้าต้องปังกว่าเดิม” และเติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประเทศไทยจะไม่หลับใหล เพิ่มมิติใหม่แห่งการท่องเที่ยวการท่องเที่ยวจะนำพาประเทศไทยไปสู่ช่วงเวลาที่สดใสและบรรยากาศแห่งความสุข ประเทศไทยจะต้องเป็น Tourism Hub และเป็น Destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของไทยซึ่งสอดรับกับเป้าหมาย Thailand’s Aviation Hub ในการรองรับผู้เดินทางได้มากถึง 150 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2030 เพื่อประเทศไทยต้องเป็น “ที่หนึ่ง” ของการท่องเที่ยว “IGNITE Tourism Thailand” สำหรับผลจากการจัดทำเวิร์คช้อปที่คลอดออกมาเป็น Thailand Tourism 2025 ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย กลยุทธ์แรก สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว เชื่อมต่อการเดินทาง ความปลอดภัย สะดวกสบาย สะอาด ปี 2025 เป็นปีที่นักท่องเที่ยวจะประทับใจ ในทุกย่างก้าว ในทุกประสบการณ์ที่ได้สัมผัส เริ่มจากการปรับปรุงความสะดวกสบายในทุกๆ Touch Point เริ่มจากการสร้างความประทับใจตั้งแต่การเดินทาง เราจะให้ข้อมูลที่สำคัญกับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เดินทางอยู่บนเครื่องบิน เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการในสนามบิน เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับและให้บริการนักท่องเที่ยวในสนามบิน สำหรับโรงแรมที่พักต้องพักสบาย ปลอดภัย มีโปรโมชั่นที่หลากหลาย พร้อมยกระดับมาตรฐานโรงแรมทั่วประเทศ เพิ่มการเข้าถึงโรงแรมขนาดเล็ก เช่น การจัดทำเว็บไซต์รวบรวมรายชื่อโรงแรมทุกจังหวัดและโปรโมชั่นไว้ด้วยกันทั้งหมด ขณะเดียวกัน ใน 3 เดือนนี้ ประเทศไทยจะเพิ่ม Free VISA ให้หลายประเทศมากขึ้นรวมทั้งหมดขยายระยะเวลาในการเข้าพักให้กับนักท่องเที่ยว จาก 30 วัน เป็น 60 หรือ 90 วัน ให้หลากหลายประเทศมากขึ้นและเพิ่มระยะเวลาในการพักให้นานขึ้น และในระยะเวลา 6 เดือนจะเพิ่มความสะดวกสบายในการขอ VAT Refundมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า และตู้ Kiosk เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเพื่อดึงดูดผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยเช่น กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กฎหมายการกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม กฎหมายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และการจัดเก็บภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมระดับโลก กลยุทธ์ที่สอง 5 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาถึงประเทศไทย (Must Do in Thailand) หรือ 5 M คือ Must Beat มวยไทย จะเปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทดลองร่วมเล่น ร่วมเรียนรู้แม่ไม้มวยไทยทั้ง 4 ภาค เช่น มวยไชยาจากภาคใต้ มวยลพบุรีจากภาคกลาง มวยโคราชจากอีสาน และมวยท่าเสาจากภาคเหนือ Must Eat อาหารไทย จะผลักดันให้นักท่องเที่ยวได้อร่อยทั่วไทยกับเมนูเด็ดประจ าจังหวัด “77 อาหารถิ่น 77 ขนมไทย”ซึ่งเปรียบเสมือนการถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิตของคนในพื้นที่ Must Seek วัฒนธรรมไทย จะดึงจุดเด่นและความพิเศษของแต่ละวัดและโบราณสถาน เพื่อสร้าง Story บนเส้นทางศรัทธาเพื่อดึงดูดความสนใจ ที่กำลังดังในตอนนี้ คือ วัฒนธรรมสายมูที่สะท้อนผ่านศิลปะการสักยันต์ ทุกท่านทราบกันแล้วนะคะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง เช่น Angelina Jolie, Ed Sheeran ที่มาสักยันต์ในเมืองไทย ยิ่งไปกว่านั้นความนิยมนี้ได้เข้าไปสู่ความเป็นแฟชั่น เช่น ลายเสื้อผ้า หรือ Accessories อื่นๆ Must Buy ผ้าไทย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาทรงเป็นต้นแบบด้านผ้าไทย และด้วยพระอัจฉริยภาพในการออกแบบและการเลือกผลิตภัณฑ์ผ้าไทยอย่างประณีต ทำให้ผ้าไทยเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ จึงมุ่งส่งเสริมผ้าไทยไปต่างแดนด้วยการ Co-branding กับ Fashion Designer ระดับโลก จะต่อยอดผ้าไทยเป็น Fashion Item ที่แพร่หลายไปทั่วโลก เรามีผ้าหลากหลายในทุกภูมิภาคไม่ว่าจะเป็น ผ้าม่อฮ่อม (แพร่) ผ้าไหมปักธงชัย(นครราชสีมา) ผ้าย้อมคราม (สกลนคร)และผ้าทอเกาะยอ (สงขลา) และ Must See โชว์ไทย นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดดูโชว์ไทยที่หลากหลาย เช่น การแสดงโขน ถือเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศที่ UNESCO ประกาศให้โขนขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมนอกจากนี้ ยังมีการแสดงโชว์ในเมืองไทยที่น่าสนใจเช่น อัลคาซ่าร์ และไซมอนคาบาเร่ต์โชว์ที่ทำให้คนทั่วโลกประทับใจ กลยุทธ์ที่สาม เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว “จากนี้ไปประเทศไทยเที่ยวได้ทุกภูมิภาค” ประเทศไทยยังมีอีกหลายเมือง ที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปค้นหาและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ นโยบายของรัฐบาลต้องการให้มีการการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียงเป็นการกระจายนักท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาคต่างๆ พร้อมทั้งกระจายรายได้สู่เมือง ตัวอย่างเช่น เส้นทางที่ 1 Lanna Culture (เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง) ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ อารยธรรมล้านนา เส้นทางที่ 2 UNESCO Heritage Trail มรดกไทย มรดกโลก (สุโขทัย –กำแพงเพชร-นครราชสีมา) เส้นทางที่ 3 เส้นทางตามรอยศรัทธาพญานาคNAGA Legacy (นครพนม-สกลนคร -บึงกาฬ) เส้นทางที่ 4 Paradise Islands (ตรัง - สตูล) หมู่เกาะแห่งอันดามันใต้ สวรรค์แห่งท้องทะเล และเส้นทางที่ 5 The Wonder of Deep South (ปัตตานี - ยะลา - นราธิวาส)ใต้สุดแห่งสยามมนต์เสน่ห์แห่งพหุวัฒนธรรม กลยุทธ์ที่สี่ Hub of ASEAN เปิดประตูการท่องเที่ยวสู่อาเซียน “มาไทยที่เดียวเที่ยวต่อได้อีกหลายประเทศ” จะมีการเชื่อมโยงการเดินทางกับประเทศเพื่อนบ้านพันธมิตรให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางท่องเที่ยวที่ไร้รอยต่อ ดึงจุดท่องเที่ยวสำคัญของประเทศเพื่อนบ้านเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย โดยตั้งเป้าให้อาเซียนเป็น Single Destination ตัวอย่างเส้นทางระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สุรินทร์ – กัมพูชา,น่าน - สปป.ลาว, เชียงราย – สหภาพเมียนมา - และสปป.ลาว, กรุงเทพฯ - มาเลเซีย - และบรูไน,สงขลา – มาเลเซีย “เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ ASEAN Hub ประสบความสำเร็จเป็นแนวคิดความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวได้หลายประเทศในภูมิภาค ASEAN ผ่าน ASEAN Pass ซึ่งเป็นความร่วมมือของกลุ่มสายการบินพันธมิตรที่จะออกแพ็คเกจตั๋วเครื่องบิน เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมต่อไปยังประเทศอาเซียนได้สะดวก สบาย ประหยัดมากยิ่งขึ้น และในแง่ของการใช้จ่าย มีแนวคิดการใช้จ่ายผ่าน Cross Border QR Payment เชื่อมโยงช่องทางการจ่ายเงินให้นักท่องเที่ยวสะดวกสบายในการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันประเทศที่สามารถใช้จ่ายผ่าน QR Code มี 8 ประเทศได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง ญี่ปุ่น และจีน” กลยุทธ์ที่ห้า คือ World Class Event Hub นำ Event ระดับโลกมาสู่เมืองไทย ให้เมืองไทยเป็นศูนย์รวม WORLD CLASS EXPERIENCE เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ในการเป็นเจ้าภาพจัด EVENT เรามีการจัด EVENT ระดับโลกแล้ว และมีการเจรจา รวมถึงมีแผนจะจัด EVENT ขนาดใหญ่ อาทิ ที่มีการตกลงแล้ว ได้แก่ Summer Sonic, KAWS Arts, Moto GP, Volleyball World Championship Period 2025, Asian Indoor & Martial Arts Games Period 2024, SEA Games Period 2025, 74th FIFA Congress 2024, วันวิสาขบูชาโลก 2024, Maha Songkran2024, Amazing Muay Thai World Festival 2025, Michelin Guide Food Festival 2025, Loy Krathong Festival 2024, Vijit Chao Phraya,Amazing Thailand MarathonX World Athletics 2024 และ Thailand LPGA และที่อยู่ระหว่างการเจรจา Tomorrow land, Bangkok Art Biennale 2024, Formula E, Motocross 2025 อีกทั้ง มีแผนในอนาคต Formula 1 Pylon Air Racing, Tennis WTA 500, Formula 1 และ Cream fields ในช่วงสงกรานต์และลอยกระทง “ทั้งหมดนี้คือ 5 กลยุทธ์ที่ประเทศไทยจะใช้ในการขับเคลื่อนสู่การเป็น “Tourism Hub” ประเทศไทยจะเป็น Destination ที่อยู่ในใจของนักท่องเที่ยว จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวมากขึ้น พำนักในประเทศไทยนานขึ้นและมีการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นแน่นอนว่า ภารกิจนี้จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากปราศจากความร่วมมือ ร่วมใจจากคนไทยทุกภาคส่วนประเทศไทยต้องเป็น “ที่หนึ่ง” ของการท่องเที่ยว “IGNITE Tourism Thailand”

อ่านต่อ →
“ราชบุรีเกมส์” ปิดฉากประทับใจ พร้อมส่งต่อให้กับ “ฉลามเยาวชลเกมส์” ปี 2568
ข่าวเด่นวันนี้1 เม.ย. 2567

“ราชบุรีเกมส์” ปิดฉากประทับใจ พร้อมส่งต่อให้กับ “ฉลามเยาวชลเกมส์” ปี 2568

*** “ราชบุรีเกมส์” ปิดฉากประทับใจ พร้อมส่งต่อให้กับ “ฉลามเยาวชลเกมส์” ปี 2568 *** นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 “ราชบุรีเกมส์” โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี, นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา, ผู้บริหาร กกท. และนักกีฬาจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ร่วมในพิธี ณ สนามดราก้อน โซลาร์ พาร์ค จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขอชื่นชมและขอขอบคุณ การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดราชบุรี หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องที่ร่วมจัดการแข่งขันจนประสบความสำเร็จ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาของชาตอให้มีความก้าวหน้าและประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย เป็นการแสดงศักยภาพความพร้อมของจังหวัดเจ้าภาพ และขอแสดงความยินดีและชื่นชม นักกีฬาทุกท่านที่ได้ตั้งใจฝึกซ้อม พัฒนาทักษะ ทุ่มเทกับการแข่งขันอย่างเต็มที่ รวมถึงแสดงความมีน้ำใจนักกีฬาระหว่างการแข่งขัน และเชื่อมั่นว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะยกระดับศักยภาพของนักกีฬาในแต่ละจังหวัดให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีความมุ่งหวังให้กีฬาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีพลังสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศ และยังเป็นกลไกหนึ่งในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ตามที่ คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้จังหวัดราชบุรี เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 "ราชบุรีเกมส์" ระหว่างวันที่ 21 – 31 มีนาคม 2567 ซึ่งจังหวัดราชบุรีได้ดำเนินการเสร็จสิ้นลงแล้ว นั้น กกท. ต้องขอแสดงความชื่นชมจังหวัดราชบุรีที่ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันเป็นไปตามวัตถุประสงค์และประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการ ส่งผลให้นักกีฬาได้มีโอกาสแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ และบุคลากรทางการกีฬาได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้น ตลอดจนได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนในจังหวัดทำให้การกีฬาเกิดความตื่นตัว เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดราชบุรี และยังสร้างจิตสำนึกการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยรูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬาสีขาวอีกด้วย สำหรับการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 "ราชบุรีเกมส์" เริ่มทำการแข่งขันมาตั้งแต่วันที่ 21 – 31 มีนาคม 2567 รวมระยะเวลา 10 วัน มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมในการแข่งขันฯ จำนวนทั้งสิ้น 16,292 คน มีการชิงชัย 736 เหรียญทอง จาก 43 ชนิดกีฬา โดยสรุปเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน 5 อันดับ ดังนี้ อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร 149 เหรียญทอง, อันดับ 2 จังหวัดชลบุรี 49 เหรียญทอง, อันดับ 3 จังหวัดเชียงใหม่ 46 เหรียญทอง, อันดับ 4 จังหวัดศรีสะเกษ 28 เหรียญทอง และอันดับ 5 จังหวัดนครราชสีมา 26 เหรียญทอง โดยมีเงินหมุนเวียนในจังหวัดราชบุรีประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การแสดงในพิธีปิดการเเข่งขันกีฬาเยาวชนเเห่งชาติ ครั้งที่ 39 เจ้าภาพจัดโชว์ 2 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 “ดำรัชเริ่ม ยาตราทัพ“ และชุดที่ 2. “ดำเนินราช ราชาบุรี” ก่อนจะดับไฟในกระถางคบเพลิง พร้อมมอบธงประจำการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ให้ กับจังหวัดชลบุรี เป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 40 “ฉลามเยาวชลเกมส์” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 2568 และการแข่งขันกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ครั้งที่ 7 “ข้าวหลามเกมส์”กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 26 เมษายน พ.ศ. 2568 ณ จังหวัดชลบุรี โฆษก กกท. 31 มีนาคม 2567

อ่านต่อ →