ข่าวสารล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
รมว.กก. เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองรัฐมนตรีท่องเที่ยวของสื่อระดับโลก "CNN" เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 12.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เข้าร่วมงานเลื้ยงรับรองรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน จัดโดยสำนักข่าว CNN (CNN Ministeral Lunchoen) โดยมีคุณอนิตา และ คุณคริสนา ลู สเกาต์ ผู้สื่อข่าว CNN เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ ห้องอาหารDiamond โรงแรม Landmark Mekong Riverside กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ในช่วงการประชุมท่องเที่ยวอาเซียน ปี พ.ศ.2567 โดยงานเลี้ยงดังกล่าว เป็นการเปิดโอกาสในรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ผู้แทนหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวได้พบปะ พูดคุย กับสื่อมวลชนในช่วงการรับประทานอาหารกลางวัน เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างสื่อมวลชนและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างงานเลี้ยงรับรอง CNN ยังได้นำเสนอบทบาทของสำนักข่าว CNN ในการเป็นสื่อที่นำเสนอข่าวในหลากหลายมิติ อาทิ ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวต่างประเทศ และข่าวกีฬา เป็นต้น รวมถึงการนำเสนอสกู๊ปข่าว และสารคดีสั้นด้านการท่องเที่ยวของประเทศอาเซียน
เปิดฉากการประชุม รมต. ท่องเที่ยวอาเซียน สุดาวรรณชูนโยบายท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 27 ณ โรงแรม Landmark Mekong Riverside กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ในการประชุมฯ รัฐมนตรีทั้ง 10 ชาติสมาชิกอาเซียนได้แสดงจุดยืนร่วมกันที่จะให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค และของโลก ผ่านการสนับสนุนการดำเนินโครงการ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี พ.ศ. 2559 - 2568 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้แสดงความตั้งใจที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของอาเซียน และคู่ภาคีภายนอก ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และได้นำเสนอนโยบายขับเคลื่อนการท่องเที่ยว 5 ประการ ประกอบด้วย การปลูกฝังจิตสำนึกความยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยว การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การส่งเสริมความปลอดภัยและมาตรฐานในการให้บริการท่องเที่ยว การยกระดับอัตลักษณ์ของไทยและอาเซียน และการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวร่วมกับประเทศต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค ที่ผ่านมา ไทย ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งกรอบความร่วมมืออาเซียน มีบทบาทหลักในการส่งเสริมการเชื่อมโยงภูมิภาค โดยไทยได้รับเป็นผู้ประสานงานหลักในกิจกรรม “Promote development of road connectivity along major tourism corridors” เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงทางบก ในระเบียงเศรษฐกิจอาเซียน และไทยได้ดําเนินโครงการ Self - Drive Tourism ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ประเทศต่างๆ ในประชาคมอาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางเดียวของการท่องเที่ยว (Single Destination) ที่นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ยังท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน อันเป็นความปรารถนาในการกระจายความมั่งคั่ง ทางเศรษฐกิจสู่พื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้อย่างทั่วถึง ดังนั้น ในปีนี้ ไทยได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับ 5 ชาติสมาชิกอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย ในการส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวนำร่องที่มีอยู่ระหว่างกัน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีกำหนดที่จะจัดการประชุม Working Breakfast ร่วมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวจาก สปป. ลาว มาเลเซีย และเวียดนาม ในวันที่ 26 มกราคม 2567 ในช่วงการประชุมด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี พ.ศ. 2567
วันที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 14.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานพิธีเปิด งานมหกรรมการท่องเที่ยว “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” TITF ครั้งที่ 29 โดยมี เอกอัครราชทูต ผู้แทนสถานทูต นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชน เข้าร่วม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายกิตติกล่าวว่า”คณะผู้จัดงานได้จัดงานมหกรรมท่องเที่ยวดังกล่าว มาแล้วถึง 29 ครั้ง นั่นย่อมหมายความว่า การจัดงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเข้มแข็งและเหนียวแน่น โดยมุ่งหวังให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจ เกิดการเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้เกิดการค้า การลงทุน อันนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยรวม การจัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” อาจกล่าวได้ว่า เป็นการจัดงานท่องเที่ยวที่สำคัญงานหนึ่งของอาเซียน เนื่องจากมีผู้ประกอบการในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวทุกสาขา ให้ความสนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เช่น โรงแรม, รีสอร์ท, เรือสำราญ และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง ที่มีองค์กรภาคธุรกิจท่องเที่ยวของรัฐบาลจากหลายประเทศ และสถานทูตต่าง ๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก”
การประชุมคณะกรรมการพิจารณาการคืนเงินสำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยครั้งที่ 1/2567 วันที่ 25 มกราคม 2566 เวลา 13.00 น. นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการคืนเงินสำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายอุดม มัตสยะวนิชกูล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทวิภาคี ไทย-กัมพูชา ชื่นมื่น รมต. ท่องเที่ยว 2 ประเทศจับมือส่งเสริมท่องเที่ยวเชื่อมโยงทางบก (วานนี้ 24 ม.ค.67 เวลา 17.00 น.) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทย ได้พบกับ นายสก โสเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ ณ โรงแรม Landmark Mekong Riverside กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว ทั้งในระดับทวิภาคี ผ่านกลไกคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว ภายใต้ Mou ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ไทย-กัมพูชา และในระดับพหุภาคี อาทิ โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ระหว่างกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม (Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) โดยกัมพูชายินดีที่จะสนับสนุนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับไทยในทุกระดับ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นและมุมมองเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวจุดหมายปลายทางเดียวกัน (One Destination) โดยเห็นชอบร่วมกันในการส่งเสริมการเดินทางข้ามแดนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางทางบก ผ่านการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามพรมแดน ทั้งนี้ กัมพูชาเสนอให้เริ่มต้นเจรจาในระดับทวิภาคีก่อน เนื่องจากมีมาตรการหลายอย่างที่จะต้องพิจารณาร่วมกัน สำหรับการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแจ้งว่า ปัจจุบัน ฝ่ายไทยประสงค์ที่จะผลักดันโครงการ “Drive Tourism” ร่วมกับกัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้ศึกษาเส้นทางเชื่อมโยงหลายเส้น โดยกัมพูชาสนับสนุนเนื่องจากจะช่วยเพิ่มการเดินทางท่องเที่ยว จากทั้งภายใน (Intraregional) และภายนอกภูมิภาค (Interregional) สอดคล้องกับความเห็นของเลขาธิการอาเซียนที่เห็นควรเสนอให้ยกระดับการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ให้เชื่อมโยงกันได้เหมือนภูมิภาคยุโรป และพิจารณานำภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการการดำเนินการร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ กัมพูชามีการเสนอให้ไทยพิจารณาชูประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงดังกล่าว เข้าไปบรรจุในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน หลังปี พ.ศ. 2568 อีกด้วย
ไทย- WTTC หารือร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอาเซียน ย้ำ ท่องเที่ยวคุณภาพมากกว่าปริมาณ (24 ม.ค.67 เวลา 16.00 น.) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้แทนกรมการท่องเที่ยว ผู้แทนองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ ได้พบกับ นางอลิซเบธ ออติเกรา ผู้อำนวยการสภาการท่องเที่ยวและการเดินทางโลก (WTTC) เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับอาเซียน และไทย ณ โรงแรม Landmark Mekong Riverside กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ในช่วงการประชุมด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี พ.ศ. 2567 โดยฝ่าย WTTC ได้เน้นย้ำความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ สามารถประเมินได้จากรายได้นักท่องเที่ยวที่เข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไทย นอกจากนี้ ฝ่าย WTTC ยังได้รายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว โดยพบว่าในช่วงปี พ.ศ. 2010 - 2019 มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่น้อยลง และสะท้อนว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นประเด็นหลักที่ภาคการท่องเที่ยวต้องให้ความสำคัญ โดยพิจารณาให้ธุรกิจที่พัก และโรงแรมมีมาตรฐานการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานสากลจาก Global Sustainable Tourism Council (GSTC) ทั้งนี้ ฝ่ายไทยเห็นว่าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนโดยภาพรวม ซึ่งส่งผลให้แต่ละประเทศตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้น
“สุดาวรรณ” เสนอ Soft Power เป็นเครื่องมือส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านอัตลักษณ์ไทยในเวทีโลก เมื่อวันที่ 24 ม.ค.67 เวลา 15.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้พบหารือกับ นายไบรอัน แมคฟีเตอร์ รองประธานอาวุโสสภาธุรกิจอเมริกา-อาเซียน ประจำภูมิภาคเอเชีย (USABC) และคณะ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ณ โรงแรม Landmark Mekong Riverside กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยการหารือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนของไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสนับสนุนการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยว และเพิ่มโอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรอง โดยฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับนโยบาย soft power เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีจุดเด่น ผ่านการประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเชื่อมโยงกับประเด็นการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวสู่ชุมชน รวมถึงฝ่ายไทยยังเน้นย้ำการส่งเสริม Free Visa ให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อขยายระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวให้ยาวขึ้น นอกจากนี้ ฝ่าย USABC ได้รายงานถึงแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของอาเซียน การกระตุ้นความเชื่อมันของนักท่องเที่ยวต่อการเดินทางในภูมิภาค การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พร้อมทั้งยินดีที่จะสนับสนุนอัตลักษณ์ของไทยในเวทีโลก ตลอดจนนโยบายที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม (ASEAN NTOs Meeting) ครั้งที่ 44 การประชุมคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวอาเซียน - อินเดีย ครั้งที่ 31 และการประชุมหารือด้านการท่องเที่ยวอาเซียน - รัสเซีย ครั้งที่ 14 ณ โรงแรม Landmark Mekong Riverside ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว การประชุมในวันนี้เป็นหนึ่งในเวทีสำคัญที่เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ได้ร่วมกันหารือกับประเทศคู่ภาคีอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และรัสเซีย รวมถึงศูนย์อาเซียน - จีน เกาหลี และญี่ปุ่น เกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยที่ผ่านมา ในปี พ.ศ. 2566 มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศบวกสามเดินทางเข้าไทยกว่า 5.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 21.3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมาทั้งหมด ในขณะที่มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและชาวรัสเซียเดินทางมาไทยในปี พ.ศ. 2566 จำนวน 1.62 ล้านคน และ 1.48 ล้านคนตามลำดับ ดังนั้น การหารือในวันนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะใช้เวทีดังกล่าวในการหารือเพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศคู่ภาคีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นกลุ่มตลาดท่องเที่ยวศักยภาพที่สำคัญของไทย ในการประชุม ASEAN NTOs บวกสาม ครั้งที่ 44 รองปลัดกระทรวงฯ ได้เน้นย้ำความสำคัญของการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการทำการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสองทาง อาทิ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ปีแห่งการท่องเที่ยว ไทย-เกาหลี ปี พ.ศ. 2566 - 2567 และการแลกเปลี่ยนเชิงวิชาการด้านการท่องเที่ยว ภายใต้กลไกคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับสถาบันวิจัยด้านการขนส่งและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น สำนักงานภูมิภาคอาเซียนและอินเดีย (Japan Transport and Tourism Research Institute, ASEAN India Regional Office: JTTRI-AIRO) สำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอาเซียน - อินเดีย ไทยได้ให้ความสำคัญกับตลาดท่องเที่ยวอินเดียเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพมีแนวโน้มการเติบโตสูง และได้แจ้งความประสงค์ในการรับเป็นผู้ประสานงานหลัก เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอาเซียน - อินเดีย ภายใต้แผนงานด้านความร่วมมือท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม ปี พ.ศ. 2564 - 2568 ทั้งนี้ ไทยได้นำเสนอแนวทางส่งเสริมการอำนวยความสะดวก ผ่านการยกเว้นการตรวจลงตราเป็นการชั่วคราวให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางชาวอินเดีย รวมถึงการส่งเสริมการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ในเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น นอกจากนี้ รองปลัดกระทรวงฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงการดำเนินงานของไทยเพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายเวลาการยกเว้นมาตรการตรวจลงตรา 90 วัน ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย การส่งเสริมการเปิดเส้นทางบินแบบเหมาลำ (Charter Flight) รวมถึงการเข้าร่วมและจัดกิจกรรม ในงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวในรัสเซียหลายรายการ อาทิ งาน Moscow International Travel and Tourism (MITT) Exhibition 2023 และ งาน Luxury Travel Mart 2023 พร้อมกันนี้ ไทยแสดงความพร้อมที่จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้สามารถรองรับและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศคู่ภาคีต่าง ๆ ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย และในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ ผลลัพธ์จากการประชุมดังกล่าวจะนำไปรายงานในที่ประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนกับประเทศคู่ภาคีที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 - 26 มกราคม 2567
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 เวลา 17.30 น. นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เข้าพบการหารือกับปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรมสหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ไทย-มาเลเซีย โดยเฉพาะการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการท่องเที่ยว ไทย-มาเลเซีย ณ ห้องประชุม Lobby VIP Room โรงแรมแรม Landmark Mekong Riverside ในช่วงการประชุมด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้หารือความร่วมมืออย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2566 ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องร่วมกันที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว และการเดินทางข้ามพรมแดน โดยอาศัยการจัดตั้งกลไกคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว ไทย-มาเลเซีย ร่วมกัน โดยในการหารือในครั้งนี้ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและปลัดกระทรวงฯ สหพันธรัฐมาเลเซีย เห็นพ้องให้มีการกำหนดขอบเขตคณะทำงานฯ ให้ชัดเจน และเสนอว่าทิศทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ควรมุ่งเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวแบบ Two-way Tourism โดยให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามแดน การเชื่อมโยงทางอากาศ การท่องเที่ยวแบบขับรถด้วยตนเอง (Self-drive Tourism) การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับมุสลิม และการจัดทำสารคดีภาพยนตร์ร่วมกันเพื่อประชาสัมพันธ์พื้นที่ภาคใต้และภาคเหนือของมาเลเซีย โดยมองว่ามีความสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อน Soft Power ที่ไทยกำลังดำเนินการ นอกจากนี้ ฝ่ายมาเลเซียให้ความสำคัญกับการใช้กลไกที่มีอยู่ อาทิ กรอบความร่วมมือแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT) โดยสามารถดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในลักษณะ Quick win รวมถึงประสงค์ที่จะรับทราบข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปมาเลเซีย เพื่อที่จะการทำเคมเปญการตลาดร่วมกันได้ตรงกับความต้องการ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรมของมาเลเซีย ในวันที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 17.30 น. ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวของไทย ได้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 59 (ASEAN NTOs Meeting) ในช่วงการประชุมท่องเที่ยวอาเซียน ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป. ลาว การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบการดำเนินงานของประเทศสมาชิกอาเซียนตลอดปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงเพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวอาเซียน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี พ.ศ. 2559 - 2568 การส่งเสริมการท่องเที่ยว ในฐานะเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์ในระดับประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นประเด็นสำคัญ (Priority) ด้านการท่องเที่ยว ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประกาศไว้ เมื่อต้นเดือนมกราคม 2567 โดยในการประชุม ASEAN NTOs ครั้งที่ 59 รองปลัดกระทรวงฯ ได้เน้นย้ำให้ประเทศสมาชิก รวมถึงคู่ภาคีภายนอก และองค์การการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เร่งบูรณาการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เพื่อมุ่งสู่การยกระดับให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวร่วมกัน หรือ “Single Destination” ไม่เพียงเท่านั้น อาเซียนอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่การท่องเที่ยวในยุคหลังปี พ.ศ. 2567 โดยรองปลัดกระทรวงฯ ให้ความเห็นว่า การมองภาพอนาคตของภาคการท่องเที่ยวในอาเซียนควรยึดโยงกับเทรนด์โลกที่สำคัญ โดยอาเซียนควรคำนึงถึงการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์เพื่อยกระดับประสบการณ์ อำนวยความสะดวก และส่งเสริมการปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง โดยมุ่งหวังให้การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนและพื้นที่ท้องถิ่นนั้น ๆ ที่ผ่านมา ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทหลักในการสนับสนุนความยั่งยืนของการท่องเที่ยวในอาเซียน โดยปัจจุบัน ประเทศไทย โดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ ที่มีภารกิจส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาการท่องเที่ยว ให้เกิดความสมดุลของชุมชน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้มีกำหนดจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ (โครงการนำร่อง ณ กัมพูชา สปป.ลาว และไทย) นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ริเริ่มการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาเซียน โดยรับเป็นผู้ประสานหลักในการทบทวน และพัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยวอาเซียน อาทิ มาตรฐาน ASEAN MICE Venue Standard (AMVS) ประเภทห้องประชุม การเข้าร่วมการประชุม ASEAN NTOs ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทย ที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยให้มั่นใจว่าอาเซียนจะก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่แห่งการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งนี้ ผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวจะนำรายงานต่อรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ในการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 27 และการประชุมระดับรัฐมนตรีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะจัดขึ้นต่อกัน (Back-to-back) ในวันที่ 25 - 26 มกราคม 2567 ที่จะถึงนี้
ครม.ไฟเขียวร่างเอกสาร 6 ฉบับสร้างร่วมมือท่องเที่ยวในอาเซียน “สุดาวรรณ”เผย ครม.สัญจร เห็นชอบร่างเอกสาร 6ฉบับให้กระทรวงท่องเที่ยวนำไปประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนครั้งที่ 27 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 25 -26 มกราคม 2567 ที่ สปป.ลาว โดยทุกฉบับไปสู่ความร่วมมือฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างประเทศ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.ระนอง ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอเอกสาร 6 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนครั้งที่ 27 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 25 -26 มกราคม 2567 ที่กรุงเวียงจันทร์ สปป.ลาวและอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลสำคัญของการประชุมและหากมีมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเอกสาร ผลลัพธ์ดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากครม.อีก สำหรับเอกสารทั้ง 6 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 27 มีเนื้อหาที่จะฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้หัวข้อหลัก "การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบ - มุ่งสู่อนาคตอาเซียนที่ยั่งยืน (Quality and Responsible Tourism - Sustaining ASEAN Future)" โดยมุ่งน้นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียนควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม เช่น การประชาสัมพันธ์การตลาดท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ imaginASEAN และแคมเปญฟื้นฟูการท่องเที่ยวในอาเซียน 2.ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 23 มีเนื้อหามุ่งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนและยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวให้ไปสู่ความยั่งยืนควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การทำการตลาดการท่องเที่ยวและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถและแนวทางการทำธุรกิจใหม่ ๆ 3. ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน - อินเดีย ครั้งที่ 11มีเนื้อหาในการสนับสนุนการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอาเซียน - อินเดีย ในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับผลกระทบของวิกฤตโรคติดเชื้อโควิด –19 ต่อภาคการท่องเที่ยวในทุกมิติ การสื่อสารในภาวะวิกฤตด้านการท่องเที่ยวอาเซียน และการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติการท่องเที่ยว และมุ่งเน้นการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียนและอินเดีย ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ 4. ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน – รัสเซีย ครั้งที่ 3 มีเนื้อหาในการยกระดับบทบาทของภาคการท่องเที่ยว ในฐานะกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมและประชาชนท้องถิ่นควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้อาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ผ่านการทำกิจกรรมการตลาดประชาสัมพันธ์จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและมีการเยี่ยมเยือนต่ำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนและรัสเซีย และการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับวิสาหกิจของทั้งสองประเทศ 5. ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียน และองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO)เพื่อยกระดับความร่วมมือ รวมถึงกำหนดประเด็นที่สนใจร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินโครงการซึ่งนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวและอื่น ๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูล การสนับสนุนด้านเทคนิค และการสร้างขีดความสามารถสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยว 6. ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของอาเซียน เป็นแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวสำหรับภูมิภาคอาเซียน มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอาเซียน รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม การปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมการส่งเสริมนวัตกรรม รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน