ข่าวสารล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.30 น. นายเยฟเกนี โตมีฮิน เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา และเพื่อหารือความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ไทย-รัสเซีย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนทท.รัสเซีย เป็นอย่างมาก ด้วยเสน่ห์ของอาหารไทย ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว การใช้ชีวิต ประชาชน โดยเฉพาะรอยยิ้มของคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากวัฒนธรรมของคนรัสเซีย 2. ไทยและรัสเซีย ได้มีการลงนาม MoU ด้านการท่องเที่ยวฯ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2545 และได้มีลงนามแผนการดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับรัสเซีย ปี ค.ศ. 2015 – 2017 และฉบับล่าสุด ปี ค.ศ. 2018 - 2020 ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ดี ฝ่ายรัสเซียเห็นว่า ควรมีการหารือและมีความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศไทย เพื่อรักษาและกระชับความสัมพันธ์ที่มีมาต่อกันยาวนาน ฝ่ายรัสเซียกำลังมีการหารือ เพื่อวางแผนจัดการประชุมทวิภาคีไทย-รัสเซีย ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ในวัน เวลา และโอกาสที่เหมาะสม โดยหวังว่าผลลัพธ์ของการประชุม คือ แผนการดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับรัสเซีย (Joint Action Program) ฉบับใหม่ เพื่อให้ รมว. ทั้งสองประเทศลงนามร่วมกัน 3. ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว สองประเทศมีความคล้ายคลึงและมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ช่วยส่งเสริมกันได้ จึงเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะเป็นตัวช่วยผลักดัน Soft Power ของไทย รวมถึง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ไทยให้ นทท.รัสเซียเข้าใจและเข้าถึงประเทศไทยได้มากขึ้น โดยตลอดปี พ.ศ. 2566 ถือเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย 125 ปี ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมร่วมกับไทยมาโดยตลอด และในปี 2567 จะเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมรัสเซีย โดยมีแผนที่จะจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและวัฒนธรรมรัสเซียตลอดทั้งปีเช่นกัน 4. ยกระดับการอำนวยความสะดวกในการเข้าประเทศให้แก่ นทท.รัสเซีย ออท. ขอบคุณประเทศไทย ที่ขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซีย เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว จากเดิม 30 วัน เป็น 90 วัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเชื่อมั่นว่าหากมี Direct Flight และมีการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ นทท. รัสเซียเพิ่มมากขึ้น จะทำให้จำนวน นทท.รัสเซียเพิ่มมากยิ่งขึ้นเช่นกัน 5. ความร่วมมือด้านการกีฬา ออท. เสนอให้มีการจัดกิจกรรมทางกีฬาเพื่อกระชับและเชื่อมความสัมพันธ์ในแวดวงการกีฬาระหว่างสองประเทศ อาทิ E-Sport ICE Hockey และมวยไทย สำหรับประเทศรัสเซียเอง ได้ให้ความสำคัญกับการจัด Event Sport ภายในประเทศจนเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนานาชาติ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาดูการแข่งขันจำนวนมาก โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 รัสเซียจะจัดงาน “Game of Future” และขอเชิญ รมว.กก เข้าร่วมงานที่รัสเซีย โดยรัสเซียยินดีที่จะร่วมมือกับไทยในการพัฒนาและส่งเสริมด้านการกีฬาต่อไป
วันที่ 19 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30 น. นางโกโลนเน อัปปุหามิลาเค จมินทะ อิโนกา โกโลนเน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การเข้าเยี่ยมคารวะดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งของรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความร่วมมือที่มีร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีสรุปสาระสำคัญของความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ไทย - ศรีลังกา ดังนี้ 1. ฝ่ายศรีลังกาได้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการจัดทำแผ่นพับและชุดวิดิทัศ เพื่อประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักมายิ่งขึ้น 2. ฝ่ายศรีลังกาประสงค์จะเชิญชวนนักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมในศรีลังกา จึงอยากขอการสนับสนุนกระทรวงฯ ในการช่วยผลักดันและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนมาลงทุนที่ศรีลังกาเพิ่มมากขึ้น 3. ฝ่ายศรีลังกาได้ยกเว้นการตรวจลงตราให้นักท่องเที่ยวไทย เพื่อเชิญชวนให้มาเที่ยวที่ศรีลังกามากขึ้น ในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีสายการบินทำการบินมาศรีลังกา ทั้งสายการบินประจำชาติ และสายการบินประหยัดให้บริการ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยินที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสองทาง (Two-way Tourism) ร่วมกับฝ่ายศรีลังกา ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน และเชื่อมั่นว่าการยกเว้นการตรวจลงตราฯ กับชาวไทย จะช่วยส่งเสริมให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินางไปท่องเที่ยวที่ศรีลังกามากขึ้น
วันที่ 16 ธันวาคม เวลา 17.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล มอบหมายให้นายสุพจน์ วงศ์จรัสรวี คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นเกียรติในงานฉลอง 4 ทศวรรษความสุข สยามอะเมซิ่งพาร์ค จัดงาน " รื่นเริง สำราญ อุทยานเมืองบางกอก " โดยมี ดร.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ผู้แทนจากส่วนราชการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ สยามอะเมซิ่งพาร์ค กรุงเทพฯ ซึ่งเทศกาลท่องเที่ยว " รื่นเริง สำราญ อุทยานเมืองบางกอก " จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 14 มกราคม 2567 บริเวณโซนบางกอกเวิลด์ ด้านหน้าทางเข้าของสยามอะเมซึ่งพาร์ค โดยเปิดให้เที่ยวฟรีตลอดเทศกาล เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องชาวไทยได้ใช้เวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 ร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัวได้ตื่นตากับอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามสมัยรัชกาลที่ 5 เพลิดเพลินกับความสวยงามของซุ้มดอกไม้นานาพรรณ ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมจาก 4 ภาค ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละสัปดาห์ พร้อมเลือกซื้อสินค้า อาหาร ของฝาก จากร้านของดีและสตรีทฟู้ดจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
วันที่ 16 ธันวาคม 2566 เวลา 16.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิด งานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจําปี พ.ศ. 2566 โดยมี นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย นายนิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา เข้าร่วม ณ ลานพลาซ่า การกีฬาแห่งประเทศไทย รมว.สุดาวรรณ กล่าวว่า "การประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2566 ในวันนี้ ถือเป็นวันสำคัญยิ่งทางการกีฬาของไทย เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย และทรงชนะเลิศการแข่งขันกีฬาเรือใบ ประเภท โอ.เค. ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ณ กรุงเทพมหานคร ปีพุทธศักราช 2510 ยังความปลื้มปิติแก่ประชาชนชาวไทยทั้งชาติ การที่นักกีฬาซึ่งเป็นตัวแทนของชาติ ได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ฝึกซ้อม ทุ่มเทพลังทั้งหมดในการแข่งขันจนชนะเลิศ สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ ถือเป็นการเสียสละ เพื่อประเทศชาติตามรอยพระยุคลบาท รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนากีฬาของชาติ จึงได้พยายามพัฒนานักกีฬาอยู่ตลอดเวลาและต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่” กิจกรรมที่จัดให้มีใน "วันกีฬาแห่งชาติ” ได้แก่ งานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ นอกจากจะเป็นการน้อมรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้ว ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระอัจฉริยภาพด้านกีฬาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย
วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้การต้อนรับ นายมาซาฟุมิ ชุคุริ ประธานสถาบันวิจัยด้านการขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (JTTRI) ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา และแสดงความขอบคุณสำหรับความร่วมมืออันดีระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ สถาบันวิจัย JTTRI-AIRO ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. การจัดตั้งคณะทำงานวิชาการด้านท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับสถาบันวิจัย การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (JTTRI-AIRO) เพื่อร่วมกันหารือแนวทางและขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น โดยมีกำหนดจัดประชุมคณะทำงานฯ ครั้งแรกในวันที่ 21 ธันวาคม 2566 โดยทั้งสองฝ่ายหวังว่าคณะทำงานวิชาการด้านท่องเที่ยวของสองประเทศ จะเป็นเวทีในการอภิปราย และการหารือที่สร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของทั้งสองประเทศ 2. การส่งเสริมนโยบาย Soft Power ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะส่งเสริม สนับสนุน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในประเด็น Soft Power ทั้งในด้านอัตลักษณ์ วัฒนธรรม อาหาร กีฬา (มวยไทย) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และวัฒนธรรม เพื่อขยายโอกาส ทางการตลาดใหม่ ๆ ท้าให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวและการกระจาย รายได้สู่ท้องถิ่นและชุมชนเพิ่มมากขึ้น 3. การจ้างงานภาคการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้มีการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้แรงงานด้านการท่องเที่ยว หันไปทำงาน ในอุตสาหกรรมอื่น จึงเห็นว่า ทั้งสองประเทศควรส่งเสริมให้มีการจ้างงาน Re-Skill และ Up-Skill บุคลากรด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวปัจจุบัน และ 4. การเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางระหว่างไทยและญี่ปุ่น แม้ว่าปัจจุบันจะมีสายการบินที่ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯและเมืองรองของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยกลับไม่เพิ่มเท่าที่ควร เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวเท่าก่อนการเกิดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของสายการบิน และการรองรับของท่าอากาศยาน ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบร่วมกันว่าควรมีการเพิ่มเส้นทางการบินของ 2 ประเทศ ซึ่งจะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะผู้บริหาร ททท. เข้ารับนโยบายเพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ วันที่ 13 ธันวาคม 2566 เวลา 14.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการประชุมมอบนโยบายเพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าร่วม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล รมว.สุดาวรรณ กล่าวว่า”กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินงานบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้ก้าวข้ามความท้าทาย และข้อจำกัด เพื่อกระตุ้น และส่งเสริมให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งตลอดปี 2566 นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จำนวน 27 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยว ในประเทศจำนวน 185 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวมให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวบรรลุตามเป้าหมาย จำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท จากประสบการณ์ในช่วงวิฤติการณ์ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมจะขับเคลื่อนนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท่องเที่ยว โดยเฉพาะ “พื้นที่รองในเมืองหลัก” รวมถึงการผลักดันให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวใน “เมืองรอง” ตลอดปี 2567 ที่จะถึงนี้ ในโอกาสนี้ ดิฉัน จึงขอนำคณะผู้บริหารจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ผู้อำนวยการ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาในประเทศ ทั้ง 45 สำนักงาน เข้ารับนโยบายกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ จากท่านนายกรัฐมนตรี “ ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยการผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และสามารถสร้างงานและกระจายรายได้ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยแบ่งออกเป็น 4 แนวคิด ได้แก่ การส่งเสริมการเที่ยวเมืองรอง ,การช่วยกันส่งเสริมให้ประเทศไทยไม่มี Low Season ,การพัฒนาการเชื่อมต่อกับนักท่องเที่ยว และการทำให้นักท่องเที่ยวเราจับจ่ายมากขึ้นแบบรายบุคคล ทั้งนี้การส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวนั้นไม่เพียงแต่ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักที่เป็นเขตเศรษฐกิจ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ชลบุรี เท่านั้น แต่เราต้องเร่งต่อยอดและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ “เมืองรอง” ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่เมืองรองมากขึ้น โดยเน้นนำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่มาใช้ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ที่สวยงาม หรือผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ทั้งนี้ท่านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในฐานะที่ท่านเป็นด่านหน้าของการท่องเที่ยว ให้พัฒนาการให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น เป็นตัวช่วยที่ทำให้นักท่องเที่ยววางแผนการเที่ยวได้อย่างง่ายดาย มีหลายภาษา มีช่องทางพูดคุยติดต่อหลายรูปแบบ ครอบคลุมทุก Time Zone เพื่อให้คนสามารถมาเที่ยวประเทศไทยได้ทุกเวลา ผมเชื่อว่าท่านมีข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว ผมจึงขอให้ท่านวิเคราะห์นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย ทำให้แหล่งข้อมูลของพวกท่านเป็น Customer-centric มากขึ้น เว็บไซต์และแหล่งข้อมูลที่ดี การเรียบเรียงข้อมูลที่เข้าใจง่าย การประชาสัมพันธ์ที่หลากหลาย จะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผน และทำให้ประเทศไทยกลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะตัดสินใจมาเที่ยวได้อย่างแน่นอน โจทย์สำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวอีกประการหนึ่งคือการเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อทริป ประเทศไทยเรามีอัตลักษณ์ วัฒนธรรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่ผมเชื่อว่าคนไทยเองก็สามารถเที่ยวได้เป็นเดือน วันนี้เราจะต้องทำให้โลกรู้ว่าอัตลักษณ์เหล่านั้นมีความน่าสนใจและเป็นจุดแข็งที่จะดึงให้นักท่องเที่ยวอยู่ให้นาน จับจ่ายให้เยอะขึ้น หรืออาจจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่สามารถเพิ่มวันพักค้างของนักท่องเที่ยว เมื่ออยู่นานขึ้น การใช้จ่ายก็จะมากขึ้นตามไปด้วย”
เลขาฯ รมว.กก. ร่วมเป็นสักขีพยาน MOU ตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมแก้ปัญหานอมินีในธุรกิจท่องเที่ยว วันที่ 13 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติเป็นสักขีพยานพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE) ระหว่าง 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมการท่องเที่ยว สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยมี นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE) ของชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวตลอดจนภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเป็นการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานพันธมิตรในการดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งจะกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องร่วมกัน รวมถึงมีการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็งต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง ใช้ชื่อย่อว่า “ศปต.” ซึ่งตั้งอยู่ที่กรมการท่องเที่ยว และจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ภายใต้กรอบความร่วมมือ 4 ด้าน คือ 1. ด้านการจดทะเบียนและการอนุญาตประกอบธุรกิจ 2. ด้านการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล 3. ด้านการกำกับดูแลและป้องปราม และ 4. ด้านการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สำหรับแนวทางการตรวจสอบธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่เข้าข่ายมีนอมินี ในเบื้องต้นจะเน้นการตรวจสอบบริษัทที่มีความเสี่ยง เช่น มีผู้ถือหุ้นเป็นต่างชาติ ซึ่งต้องตรวจสอบว่าถือหุ้นไม่เกินสัดส่วนที่กำหนด 49.99% หรือไม่ ถ้าไม่เกินต้องดูต่อไปอีกว่ามีอำนาจการบริหารจัดการภายในบริษัท และมีสิทธิในการออกเสียงมากกว่าผู้ถือหุ้นคนไทยที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 51% หรือไม่ ถ้ามีมากกว่าก็อาจเข้าข่ายเป็นนอมินี
เจ็ตสกีเวิลด์คัพไทยยืนผู้นำโลก / แผนสำเร็จสมบูรณ์แบบ ซอฟต์พาวเวอร์กีฬาไทย เน้นประโยชน์ชาติ 4 ด้าน วันที่ 12 ธันวาคม 2566 เวลา 14.00 น. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานงานแถลงข่าวการแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก ในศึก ทัวร์นาเม้นท์ WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023 โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย , นายวีรพงศ์ พงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายวงศ์สถิตย์ สุวรรณสุทธิ ผู้จัดการฝ่ายตลาดหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย และ พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ฐานะประธานอำนวยการ จัดการแข่งขันฯ เข้าร่วม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ 7 รอบ การกีฬาแห่งประเทศไทย ศึกเจ็ตสกีเวิลด์คัพ ประกาศความสำเร็จสมบูรณ์แบบในฐานะต้นแบบงานกีฬาซอฟต์พาเวอร์ไทย และสปอร์ตทัวริซึ่ม“WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023” พร้อมจัด 13-17 ธันวาคม 2566 ณ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา และก้าวขึ้นเป็นคอนเท้นท์กีฬาเจ็ตสกีพรีเมี่ยม อันดับที่ 1 ของโลก ที่สร้างประโยชน์หลักชาติไทย 4 ด้าน ได้แก่ นำเข้าผู้ร่วมกิจกรรมจากทั่วโลกกว่า 3,000 คน เติบโตขึ้นเทียบชั้น “มหกรรมกีฬา” สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน, ประชาสัมพันธ์เมืองไทยโดยถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม 121 ประเทศ ผู้ชมกว่า 100 ล้านคน, นำกีฬาไทยขึ้นเป็นแบรนด์กีฬาความเร็วโลก และยกระดับสร้างชื่อเสียงชาติไทยในฐานะผู้บริหารกีฬาโลก “WGP#1 โมเดล” เป็นโมเดลการพัฒนาแบรนด์ทัวร์นาเม้นท์กีฬาไทย เพื่อให้เกิดการเติบโตด้านทรัพย์สินทางปัญญา และพัฒนากีฬาไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างยั่งยืนบนเวทีโลก ขณะนี้ กล่าวได้ว่า ทัวร์นาเม้นท์ WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023 ได้ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ สร้างความเชื่อถือต่อคณะนักกีฬา ได้รับความสำคัญเป็นทัวร์นาเม้นท์กีฬาเจ็ตสกี อันดับที่ 1 ของโลก อย่างเป็นทางการแล้ว มีจำนวนทีมแข่งนานาชาติ นักกีฬามือหนึ่งของโลกมากกว่าทุกๆ ทัวร์นาเม้นท์ อีกทั้ง กำลังมีอิทธิพลด้านซอฟต์พาวเวอร์ครอบคลุมกว่า 55 ชาติ ในการแข่งขันบนทวีปต่างๆ ประเทศไทยมีเครื่องมือการขยายงานที่สำคัญคือ “การเป็นเจ้าของทัวร์นาเม้นท์ เจ็ตสกีเก็บคะแนนชิงแชมป์โลก” หรือ “World Series” ที่จัดบนทวีปหลักของโลก 3 ทวีป ได้แก่ ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา และทวีปเอเชียที่ประเทศไทย โดยขณะนี้ WGP#1 ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ควบคุมนโยบายการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีทั่วโลกในปัจจุบัน
พิธีแต่งตั้งและรับมอบสายสะพายอันทรงเกียรติของทูตการท่องเที่ยวและทูตการกีฬา วันที่ 12 ธันวาคม 2566 เวลา 13.00 น. ‘‘ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นายสันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานการแต่งตั้งและมอบสายสะพายอันทรงเกียรติแก่ทูตการท่องเที่ยวและทูตการกีฬาประจำจังหวัด 77 จังหวัด และ ประจำเขต 50 เขต กรุงเทพมหานคร และทูตเยาวชนการท่องเที่ยวและทูตเยาวชนการกีฬา ประจําจังหวัด 77 จังหวัด และประจำเขต 50 เขต กรุงเทพมหานคร ‘’ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เห็นถึงความสำคัญของพลังของคนรุ่นใหม่ผู้มีความรู้ ความสามารถ ที่จะเป็น Soft Power ให้ประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่จะมุ่งเน้น พัฒนา Softpower เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศในทุกมิติ โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ร่วมงานกับ บริษัท เมตาเวิลด์ (เอเชีย) จำกัด ผู้ถือสิทธิการประกวด Miss Tourism World Thailand และประเทศต่างๆในเอเชีย เพื่อเฟ้นหาทูตการท่องเที่ยวและทูตการกีฬาในทุกจังหวัด เพื่อการประชาสัมพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ผ่านรูปแบบกิจกรรมควบคู่ไปทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ เป็นความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศให้เข้มแข็ง และถือเป็นแผนเชิงรุกของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการนี้ นายสันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ทำการแต่งตั้งและมอบสายสะพายอันทรงเกียรติแก่ทูตการท่องเที่ยวและทูตการกีฬา เพื่อเป็นเชิง สัญลักษณ์ของกระทรวงฯ และเพื่อให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ศิลปวัฒธรรม ภาพลักษณ์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในจังหวัดที่ได้รับมอบหมายผ่านรูปแบบกิจกรรมควบคู่ไปทั้งระบบออฟไลน์และระบบออนไลน์ ผ่านเพจ 128 เพจ (เพจ ประจำจังหวัด 77 เพจ เพจประจำเขต 50 เขตกรุงเทพมหานคร และเพจกลาง 1 เพจ) รวมถึงทูตเยาวชนการท่องเที่ยวและทูตเยาวชนการกีฬาประจำจังหวัด 77 จังหวัด และประจำเขต 50 เขต กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนที่ทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม เกิดการเชื่อมโยงกันของผู้ติดตามในโลกออนไลน์
Princess’s Cup Thailand 2023 วันที่ 11 ธันวาคม 2566 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาขี่ม้ารายการ Princess’s Cup Thailand 2023 อันมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมกีฬาขี่ม้า เพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์แข่งขัน ตลอดจนเป็นการ เชื่อมสัมพันธ์อันดีของนักกีฬาขี่ม้า กับสโมสรกีฬาขี่ม้าต่างๆ ให้มีความแน่นแฟ้น อีกทั้งยังเป็นการคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถ เป็นตัวแทนใน การแข่งขันในระดับสูงต่อไป โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา และคณะผู้บริหาร เฝ้ารับเสด็จ ณ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการ แข่งขันที่มุ่งผลแพ้ชนะเท่านั้น แต่ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กีฬาขี่ม้า เป็นที่รู้จักแก่บุคคลและเยาวชนทั่วไปอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ซึ่งการแข่งขัน PRINCESS’S CUP THAILAND 2023 จะประกอบด้วยการแข่งขัน 5 ประเภท ดังนี้ 1. ศิลปะการบังคับม้า หรือ เดรส-ซาซ (Dressage) 2. ขี่ม้ากระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง หรือ จั๊ม- ปิ้ง (Jumping) 3. อีเวนติ้ง 4. สุดยอดผู้ดูแลม้า หรือ เบส-กรูม (Best Groom) 5. สุดยอดช่างเกือก หรือ เบส-แฟ-ริ-เออร์ (Best Farrier) โดยการแข่งขันสุดยอดผู้ดูแลม้าและสุดยอดช่างเกือก เป็นไปตามพระประสงค์ ของใต้ฝ่าพระบาท ที่มีสายพระเนตรอันยาวไกล ตระหนักถึง บุคคลที่อยู่เบื้องหลังการแข่งขันกีฬาขี่ม้า ผู้นํามาซึ่งความสําเร็จของนักกีฬา และม้า การจัดการแข่งขันในสองประเภทดังกล่าวเป็นการสร้างมาตรฐาน การแข่งขันขี่ม้าในระดับสากล และได้มีกรรมการตัดสินในระดับสหพันธ์กีฬา ขี่ม้า หรือ เอฟ อี ไอ เข้าร่วมการตัดสินครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ Princess’s Cup Thailand ในปีนี้ ยังมีนิทรรศการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1. พระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งทรงเล็งเห็นความสำคัญ และทรงส่งเสริมกีฬาขี่ม้าในทุกมิติ ผ่านโครงการ อาทิ โครงการบ้านพักม้าชรา ด้วยทรงห่วงใยสุขภาพและความเป็นอยู่ของม้าหลังปลดประจำการ, โครงการอาชาบำบัด การใช้ม้ามาช่วยในการบำบัดกลุ่มเด็กพิเศษ ทั้งด้านร่างกาย และอารมณ์, และโครงการปุ๋ยมูลม้า 2. ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูม้า สถานพยาบาลม้าที่มีความทันสมัย มีขีดความสามารถด้านการรักษาขั้นสูง พร้อมด้วยเครื่องมือทางการสัตวแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ 3. โครงการผ้าไทย เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยให้ทันสมัย ตามความต้องการในยุคปัจจุบันกับทั้งในและต่างประเทศ 4.จัดแสดงข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน อาทิ การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์, พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ สาธารณรัฐตุรกี, การดำเนินงานของกรมปศุสัตว์ ในการยื่นขอคืนสถานภาพปลอดกาฬโรคในม้า (AHS) อย่างเป็นทางการ
ปลัดฯ ท่องเที่ยวและกีฬา มอบรางวัลผู้เข้าแข่งขันวิ่งเทรล ระยะ TRANS-INT 160 รายการ “Doi Inthanon Thailand by UTMB 2023” วันที่ 9-10 ธันวาคม 2566 นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมและส่งเสริมการวิ่งตามภูมิประเทศ (การวิ่งเทรล หรือ Trial Running) เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลแก่นักกีฬาผู้เข้าร่วมแข่งขันวิ่งเทรลระดับนานาชาติ Doi Inthanon Thailand by UTMB 2023 ระยะ TRANS-INT 160 (179 ก.ม.) โดยมี นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และนางสาวปริญดา ทุนคำ ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมพิธีด้วย ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 10 ธันวาคม 2566 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยในปีนี้ นักวิ่งจะวิ่งเริ่มต้นที่เชิงดอยอินทนนท์ ผ่านไฮไลท์สำคัญทั้งหมดของดอยอินทนนท์ และเส้นชัยที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ การแข่งขันแบ่งเป็น 6 ระยะ มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 5,206 คน (ยังไม่รวมผู้ติดตามและผู้เข้าร่วมงาน) ชาวไทย 2,186 คน คิดเป็นร้อยละ 42 และชาวต่างชาติ 3,020 คน คิดเป็นร้อยละ 58 จาก 70 ประเทศ 80 สัญชาติทั่วโลก มีสัดส่วน เพศชาย 3,416 คน คิดเป็นร้อยละ 65.61 เพศหญิง 1,790 คน คิดเป็นร้อยละ 34.39 การแข่งขันในระยะ TRANS-INT 160 ผู้ชนะอันดับที่ 1-2 ประเภทชาย และประเภทหญิง ของกลุ่มระยะทางดังกล่าว จะได้รับสิทธิ์ GOLDEN TICKET 2024 เข้าร่วมการแข่งขัน UTMB World Series Finals 2024 ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ การแข่งขันในครั้งนี้คาดว่าจะมีมูลค่าเศรษฐกิจประมาณ 800 ล้านบาท
วันที่ 7 ธันวาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมชมปรากฏการณ์แห่งแสง สี ริมแม่น้ำเจ้าพระยาสุดยิ่งใหญ่กับงาน “VIJIT CHAO PHRAYA 2023” ตามเส้นทางอัตลักษณ์ ไอคอนสยาม-สะพานพระราม 8 สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่งดงามกับจุดแลนด์มาร์กของประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวส่งท้ายปี 2566 คาดปั๊มรายได้ท่องเที่ยวสะพัดกว่า 600 ล้านบาท นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “งาน VIJIT CHAO PHRAYA 2023 เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้โครงการเทศกาล Thailand Winter Festivals ตามนโยบายของรัฐบาลในการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศผ่านต้นทุนวัฒนธรรม Soft Power of Thailand อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เราจะได้เห็นปรากฏการณ์แห่งแสง สี เสียง และการแสดงทางวัฒนธรรม สุดยิ่งใหญ่ตลอดทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดทั้งเดือนธันวาคม 2566 จะช่วยสร้างบรรยากาศและสีสันการท่องเที่ยวยามค่ำคืนในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเปิดฤดูท่องเที่ยวปลายปี 2566 ในช่วงระยะ 100 วันแรก (1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2566) ส่งผลให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ นอกจากนี้ การจัดงาน VIJIT CHAO PHRAYA 2023 ยังเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะประกาศความพร้อมและแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางแห่งเฟสติวัลของโลกต่อไปในอนาคต” งาน “VIJIT CHAO PHRAYA 2023” จัดขึ้นโดย ททท. เนรมิตปรากฏการณ์แห่งแสง สี การประดับไฟ การฉายภาพบนตัวอาคาร การแสดงพลุ การแสดงทางวัฒนธรรม บริเวณสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างยิ่งใหญ่ ร้อยเรื่องราวของความงามดั่งวิจิตรเจ้าพระยาในพื้นที่ริมน้ำของกรุงเทพมหานคร จำนวน 7 พื้นที่ ได้แก่ สะพานพระราม 8, สวนสันติชัยปราการ, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, ป้อมวิไชยประสิทธิ์, สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า), River City Bangkok , ไอคอนสยาม และเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์