ข่าวสารล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
วันที่ 7 ธันวาคม 2566 เวลา 18.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมงานฉลองในโอกาสที่ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมคณะรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ซูฮย็อน คิม ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโก ประจำประเทศไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะทูตานุทูต ประกอบด้วย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ลาว กัมพูชา ญี่ปุ่น และจีน ร่วมเป็นสักขีพยาน นางยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ว่า-ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ วัฒนธรรมจังหวัด ประธานสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครและจังหวัด 76 จังหวัด เข้าร่วมงาน ณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรวิหาร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประธานพิธี ได้กล่าวแสดงความยินดี ในงานฉลองประกาศ ขึ้นทะเบียนสงกรานต์ ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติหรือ ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ในประเทศไทย” ประเพณีปีใหม่ไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 ณ เมืองคาเซเน สาธารณรัฐบอตสวานา ในนามของรัฐบาลและประชาชนไทย ประเทศภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ขอประกาศเจตนารมณ์ในการรักษาและสืบทอดประเพณีสงกรานต์ ดังนี้ 1.ประเทศไทย จะร่วมกันธำรงรักษา ถ่ายทอดและสร้างสรรค์ ประเพณีสงกรานต์ ให้มีการปฏิบัติและ สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยมาตรการส่งเสริมและรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งให้ความเคารพและยอมรับต่อวิถีปฏิบัติของทุกชุมชน 2.ประเทศไทย จะส่งเสริมให้เกิดความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของประเพณีสงกรานต์ ในฐานะตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และบ่อเกิดของการพัฒนาที่ยั่งยืน และ 3.ประเทศไทยจะเปิดโอกาสอย่างทั่วถึงแก่คนทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกภาษา และทุกศาสนา ให้สามารถเข้าถึงประเพณีสงกรานต์ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยเคารพต่อธรรมเนียมปฏิบัติของชุมชนและจะร่วมกับชุมชนนานาชาติในการรักษาและสืบทอดประเพณีสงกรานต์ในทุกที่ ด้วยจิตใจของความร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ด้าน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึง การขึ้นทะเบียนสงกรานต์กับยูเนสโก ว่า คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 เห็นชอบให้ดำเนินการเสนอ“สงกรานต์ในประเทศไทย” ประเพณีปีใหม่ไทยขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO นับเป็นความยินดีและภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน ในโอกาสที่ UNESCO ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสงกรานต์ ในการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ณ เมืองคาเซเน สาธารณรัฐบอตสวานา นายเสริมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สงกรานต์เป็นประเพณีปีใหม่ไทยที่เฉลิมฉลองในช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งได้รับการถือปฏิบัติและสืบทอดอย่างยาวนาน ประเพณีอันงดงามและมีความหมายสะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูของคนไทย ที่มีต่อบรรพบุรุษ ความเอื้ออาทรและความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ประเพณีสงกรานต์ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ตักบาตร สรงน้ำพระพุทธรูปและพระสงฆ์ รดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้เคารพนับถือ จัดขบวนแห่ของชุมชนที่แสดงถึงตำนานสงกรานต์ จัดละครพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ การละเล่น และการแสดงต่างๆ เป็นต้น นายเสริมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ส่งเสริมและดำเนินงานปกป้องคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จึงได้จัดงานฉลองสงกรานต์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติขึ้น เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์“สงกรานต์ในประเทศไทย” ให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง และเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้เกิดการสงวนรักษา อนุรักษ์ สืบสาน ปกป้องคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของประเทศชาติ นอกจากนี้ การจัดงานฉลองสงกรานต์ฯ ยังเป็นการสร้างการรับรู้ให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยก่อให้เกิดการเข้าใจและยอมรับในระบบสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน อีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อมรดกภูมิปัญญาฯ ได้รับการทะเบียนแล้ว รัฐภาคีจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ต้องเสนอรายงานสถานะของรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ทุก 6 ปี ประกอบด้วย 7 ประเด็น ดังนี้ (1) ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับหน้าที่ทางสังคมและวัฒนธรรมของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม บทบาทของผู้ถือครองและผู้ปฏิบัติที่มีต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (2) สถานการณ์ดำรงอยู่และความเสี่ยงในปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (3) ความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและนานาชาติ หลังจากที่ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (4)มาตรการที่ดำเนินการที่ส่งเสริมและสนับสนุนอันเนื้องมาจากการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (5) การมีส่วนร่วมของชุมชน และองค์กรในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (6) หน่วยงาน และองค์กรชุมชนที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการ และส่งเสิรมรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (7) การเปิดโอกาสให้ชุมชน กลุ่มต่าง ๆ องค์กรพัฒนาเอกชนและผู้เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุดในกระบวนการจัดทำรายงาน
พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาคนพิการทางด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว รายการ 2023 World Abilitysport Games วันที่ 3 ธันวาคม 2566 เวลา 17.00 น. นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาคนพิการทางด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว รายการ 2023 World Abilitysport Games โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ นักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากนานาชาติ เข้าร่วมพิธี ณ หอประชุมเอนกประสงค์สนาม 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จังหวัดนครราชสีมา โดยการจัดการแข่งขันในครั้งนี้สืบเนื่องจาก สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และจังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจาก World Abilitysport ให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาคนพิการทางด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวชิงแชมป์โลก รายการ 2023 World Abilitysport Games ระหว่างวันที่ 1 – 9 ธันวาคม 2566 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งประกอบด้วย 10 ชนิดกีฬาหลัก ได้แก่ กีฬากรีฑา กีฬายิงปืน กีฬาจักรยาน กีฬายกน้ำหนัก กีฬาวีลแชร์ฟันดาบ กีฬาว่ายน้ำ กีฬายิงธนู กีฬาเทเบิลเทนนิส กีฬาสนุกเกอร์ กีฬาแบดมินตัน และ 3 ชนิดกีฬาสาธิต ประกอบด้วย กีฬาอีสปอร์ต กีฬาเปตอง และกีฬาตะกร้อ โดยคาดว่าจะมีนักกีฬาคนพิการทางด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวจากทั่วโลก เข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 49 ประเทศ มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนานักกีฬา และยกระดับการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาคนพิการในระดับนานาชาติ ของประเทศไทย สู่มาตรฐานสากล และการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการนี้ ยังถือว่ามีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นการแข่งขันรายการสุดท้ายของหลายชนิดกีฬา สำหรับการ Qualification เพื่อให้นักกีฬาคนพิการ ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ในมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะนักกีฬา คนพิการทีมชาติไทย จะได้ใช้โอกาสนี้สร้างผลงานคว้ารางวัล เพื่อให้ได้สิทธิ์ดังกล่าว อีกด้วย นายกิตติ กล่าวว่า " การได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาดังกล่าวในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ประเทศไทย จะได้แสดงให้นานาชาติ เห็นถึงศักยภาพความสามารถในการจัดการแข่งขันกีฬา ในระดับชิงแชมป์โลก และจะเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ จากนานาชาติ ที่เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เป็นสื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ สถานที่ท่องเที่ยว ของจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงให้ได้เห็นถึงวัฒนธรรม ประเพณี อันดีงามของชาติไทย ของเรา ได้เป็นอย่างดี "
ศึก “มวยไทย ซอฟท์ เพาเวอร์ เฟสติวัล” ปิดฉากสุดประทับใจ “บัวขาว” นำจุดเทียนรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวง รัชกาลที่ 9 ปลื้มพลัง ซอฟท์ เพาเวอร์ ปลุกกระแสแฟนมวยไทยล้นหลาม แห่เข้าร่วมงานที่ไอคอนสยาม เมื่อวันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 17.00 น. ณ เวทีมวยพิเศษลานริมน้ำ ศูนย์การค้า ไอคอนสยาม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ การแข่งขัน “มวยไทย ซอฟต์ พาวเวอร์ เฟสติวัล” ภายใต้โครงการ “มหกรรมมวยไทยน้อมใจภักดิ์มหาราชา” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้มีพิธีปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ที่ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม โดยมี ดร.วนิดา พันธ์สอาด รองอธิบดีกรมพลศึกษา รักษาราชการรองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับมอบหมายจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.พัฒพงศ์ พงษ์สกุล ผู้อำนวยการสำนักการกีฬา กรมพลศึกษา มร.สเตฟาน ฟ็อกซ์ เลขาธิการ สหพันธ์สมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติ (IFMA), ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬา มวยไทยนานาชาติ (IFMA) และนายกสมาคมกีฬามวยไทย สมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ, นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย, ดร.ปัญญา หาญลำยวง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนพัฒนาการกีฬา แห่งชาติ (NSDF) รวมทั้งคณะทูตานุทูต และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน ท่ามกลางแฟนมวยไทยชาวไทย และชาวต่างที่แห่เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม คีตะมวยไทย และมวยโบราณ รวมทั้งการแสดงชุด MUAYTHAI SOFT POWER ต่อด้วยวงโยธวาทิตบรรเลงเพลงกราวกีฬา ขบวนธงชาติ ขบวนธงประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ขบวนอัญเชิญถ้วยพระราชทาน ติดตามด้วย บัวขาว บัญชาเมฆ, ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ และโสมรัศมี มานพยิม จากนั้น ประธานในพิธีกล่าวถวายราชสดุดี การบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา จากนั้นเข้าสู่พิธีการจุดเทียนรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งมีวงดุริยางค์ทหารบก ขับร้องบทเพลง "เดินตามรอยพ่อ" โดยมีแขกผู้มีเกียรติ คณะทูตานุทูต คณะกรรมการจัดการแข่งขันทุกฝ่าย รวมทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ชมในบริเวณงานเข้าร่วม ถวายความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ นอกจากนี้ บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยขวัญใจทั่วโลก พร้อมด้วย ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง ได้ขึ้นเวทีโชว์ศิลปะการไหว้ ครูมวยไทย ให้กับผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ได้เห็นกับตาตัวเอง ถึงศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก จนกลายเป็น ซอฟท์ เพาเวอร์ ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอีกด้วย วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ดำเนินตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการสนับสนุนกีฬามวยไทย ซอฟท์ เพาเวอร์ มาอย่างต่อเนื่อง และมั่นคง โดยงานนี้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีชาวไทย และชาวต่างชาติแห่เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นการจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 และมีหลายชาติเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ รวมหลายประเทศ.
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายมงคล วิมลรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ต่อจากนั้นเวลา 08.30 น. ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะรัฐมนตรี วางพานพุ่มเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ถวายความเคารพพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้วนายกรัฐมนตรีวางพานพุ่มจำนวน 1 พาน ในนามนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
วันที่ 3 ธันวาคม 2566 เวลา 16.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) พร้อมด้วย นายสันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นางสาว วนิดา พันธ์สอาด รองอธิบดีกรมพลศึกษา รักษาราชการรองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ สนามกีฬาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (สนามกีฬาสามพร้าว) เพื่อรับฟังสรุปผลการดำเนินงานการก่อสร้างสนามกีฬาระยะที่ 1 และการเตรียมความพร้อม รวมถึงแนวทางการก่อสร้างสนามกีฬา ระยะที่ 2 เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ การแข่งขันกีฬานานาชาติการจัดกิจกรรมกีฬา และกิจกรรมอื่น ๆ ของกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 โดยมีผู้แทนการกีฬาแห่งประเทศไทย นายวิรชน ประดับศรี ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดอุดรธานีเป็นผู้รายงานข้อมูล
การลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2566 วันที่ 3 ธันวาคม 2566 ณ จังหวัดอุดรธานี วันที่ 3 ธันวาคม 2566 เวลา 13.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) พร้อมด้วย นายสันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นางสาว วนิดา พันธ์สอาด รองอธิบดีกรมพลศึกษา รักษาราชการรองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ วัดภูตะเภาทอง ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี หารือร่วมกับคณะกรรมการกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนสามหนอง เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานและการจัดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมะ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ในพื้นที่ รวมทั้งร่วมกิจกรรมของชุมชน ได้แก่ การคั่วชงชาจันผา ชิมอาหารชุมชน และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งวัดภูตะเภาทอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะและประวัติศาสตร์ โดยมีจุดเด่นที่ความศักดิ์สิทธิ์ของ “พญานาคราชสีทอง” นามว่ามุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อได้สร้างขึ้นตามนิมิต และ “รอยฝ่ามือแดง” อายุ 2,500 ปีที่ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนเรือสำเภาทอง โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างชุมชนและวัด
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จับมือ 4 หน่วยงานรัฐ พัฒนาระบบ “Ease of Traveling” บน Web Portal : Entry Thailand ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมลงนามเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือบูรณาการระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling) ซึ่งจัดโดยกองพัฒนาระบบบริหาร ในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ณ โรงแรม เอส ดี อเวนิว กรุงเทพฯ ร่วมลงนามโดย นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และได้รับเกียรติจากนางสาววิริยา เนตรน้อย รองเลขาธิการ ก.พ.ร. ร่วมลงนามเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ ในปี 2567 นี้ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้บูรณาการความร่วมมือกับ 4 หน่วยงาน เพื่อเชื่อมโยงระบบการให้บริการในด้านต่าง ๆ มาไว้บนเว็บไซต์ Entry Thailand หรือระบบการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling) ได้แก่ การนำระบบข้อมูลสินค้าโอทอป ระบบข้อมูลด้านกีฬา ระบบข้อมูลตรวจสอบกำหนดเวลาการเดินรถไฟ และระบบการจ่ายเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) ให้มาปรากฏบน Web Portal : Entry Thailand ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบบนี้จึงถือเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและมีความน่าเชื่อถือมาไว้ในที่เดียวแบบครบวงจรในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ ผู้เดินทางแล้ว ยังเป็นการลดอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการดำเนินการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวภายหลังการปลดล็อคมาตรการโควิด-19 ของประเทศต่าง ๆ ดังนั้น ถ้าหากประเทศไทยมีการเตรียมพร้อมในระบบต่าง ๆ รวมถึงการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ก็จะสามารถฟื้นประเทศฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
การประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ครั้งที่ 10/2566 วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ครั้งที่ 10/2566 โดยมี นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง นางสาวอุบลวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการกองทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมการประชุม การประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ครั้งที่ 10/2566 มีเรื่องพิจารณาดังนี้ 1. คำสั่งคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว 2. เรื่องพิจารณาอุทธรณ์ 2.1 อุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 กรณีเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ของบริษัท โยนา บีช จำกัด 2.2 อุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคกลางกรณีนางสาวิตรี พรรณจิตต์ อุทธรณ์คำสั่งจ่ายเงินจากกองทุนคุ้มครอง ธุรกิจนำเที่ยว เพื่อชดเชยความเสียหายจากหลักประกันของ ไทยแลนด์ โฟโต้ทัวร์ 2.3 อุทธรณ์คำสังนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคกลางกรณีนายรณน วิพุธศิริ อุทธรณ์คำสั่งยุติเรื่องร้องเรียน บริษัท ยูนิไทยทริป จำกัดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง 2.4 อุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคกลางกรณีบริษัท เบสท์ทัวร์ ฮอลิเดย์ ดอทคอม จำกัด อุทธรณ์คำสั่งยุติเรื่อง ร้องเรียนบริษัท โทเคน ทราเวล (ไทยแลนด์) จำกัด ไม่ปฏิบัติตามสัญญา
การจัดแข่งขันกีฬาขี่ม้าแห่งปี “Princess’s Cup Thailand 2023” ช้อปชิมชิลเติมสุขส่งท้ายปีกับตลาด FLEA MARKET วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2566) เวลา 15.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานคณะกรรมการจัดงาน Princess’s Cup Thailand 2023 เป็นประธานการแถลงข่าว โดยมี นายนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงาน ณ ฮอสการ์ดคลับ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ นางสาวสุดาวรรณ เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มีพระวินิจฉัยให้จัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้ารายการ Princess’s Cup Thailand 2023 และทรงรับเป็นองค์ประธานอำนวยการนโยบาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมกีฬาขี่ม้า เพิ่มพูนทักษะ และประสบการณ์การแข่งขัน ตลอดจนเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีของนักกีฬาขี่ม้าและสโมสรขี่ม้าต่าง ๆ “การจัดงาน Princess’s Cup Thailand ในปีนี้ เป็นการจัดงานครั้งที่ 9 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-17 ธันวาคม 2566 ณ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด ‘Enjoy Our Gender Equality Sport with Harmony of Horse and Human’ ที่สะท้อนแง่มุมความพิเศษของกีฬาขี่ม้า ซึ่งเป็นกีฬาประเภทเดียวที่แข่งขันโดยไม่แบ่งแยกเพศ จึงเรียกได้ว่าเป็น ‘กีฬาแห่งความเท่าเทียม’ และยังเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ต้องผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับม้าด้วย โดยภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการแข่งขันเกี่ยวกับม้า การแข่งขันเกี่ยวกับสุนัข นิทรรศการ รวมทั้งกิจกรรมความบันเทิงสำหรับ ทุกเพศทุกวัย” นายนารา กล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการแข่งขันกีฬาขี่ม้า 2 รายการใหญ่ คือ 1. FEI SEA Youth Cup 2023 ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม 2566 ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ ในการจัดแข่งขันเป็นครั้งแรก เนื่องด้วยสหพันธ์กีฬาขี่ม้านานาชาติ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดความต่อเนื่องของการแข่งขันกีฬาขี่ม้าระดับเยาวชน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงจัดการแข่งขัน FEI SEA Youth Cup ขึ้น ในปีที่ไม่มีการแข่งขันซีเกมส์ หรือกีฬาขี่ม้าไม่ได้ถูกบรรจุในซีเกมส์ และรายการ Princess’s Cup Thailand (ระหว่างวันที่ 11 - 17 ธันวาคม 2566) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา แบ่งเป็น การแข่งขัน 5 ประเภท ได้แก่ ศิลปะบังคับม้า, การขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง, อีเวนท์ติ้ง, สุดยอดผู้ดูแลม้า และ สุดยอดช่างเกือกม้า อีกกิจกรรมสำคัญคือการแข่งขันเกี่ยวกับสุนัข ซึ่งในการแถลงข่าวครั้งนี้มีการแสดงโชว์ของสุนัขทรงเลี้ยงทั้งหมด 4 สุนัข ได้แก่ สุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย คุณโคโม่ และ คุณนาโกย่า , สุนัขพันธุ์ปาปิยอง คุณบัตเตอร์ฟราย และสุนัขพันธุ์ลาบาดอร์ คุณเอ็มไอ6 เพื่อสร้างการรับรู้ของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องคือ 1. การแข่งขันสุนัขใช้งานสากล เป็นการทดสอบความสามารถเพื่อประเมินสุนัขที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติงานอารักขา 2. การแข่งขันประกวดสุนัขสวยงามทุกสายพันธุ์ และ 3. งานวิ่งกับสุนัข (Dog Fun Run) ภายในงานยังมีนิทรรศการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1. พระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญ และทรงส่งเสริมกีฬาขี่ม้าในทุกมิติ ผ่านโครงการ อาทิ โครงการบ้านพักม้าชรา ด้วยทรงห่วงใยสุขภาพและความเป็นอยู่ของม้าหลังปลดประจำการ, โครงการอาชาบำบัด การใช้ม้ามาช่วยในการบำบัดกลุ่มเด็กพิเศษ ทั้งด้านร่างกาย และอารมณ์, และโครงการปุ๋ยมูลม้า 2. ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูม้า สถานพยาบาลม้าที่มีความทันสมัย มีขีดความสามารถด้านการรักษาขั้นสูง พร้อมด้วยเครื่องมือทางการสัตวแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ 3. โครงการผ้าไทย เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยให้ทันสมัยตามความต้องการในยุคปัจจุบันกับทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงจัดแสดงข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน อาทิ การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์, พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ สาธารณรัฐตุรกี, การดำเนินงานของกรมปศุสัตว์ ในการยื่นขอคืนสถานภาพปลอดกาฬโรคในม้า (AHS) อย่างเป็นทางการ และท้ายสุดคือ Flea market และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดพื้นที่พบปะสังสรรค์บรรยากาศดีกลางกรุง ใช้ประชาชนได้มาชอปปิ้งสินค้าสไตล์วินเทจ ชิมอาหารอร่อย ถ่ายรูปเช็คอิน ในวันที่ 15-17 ธันวาคม 2566 และเพิ่มเติมความพิเศษ ด้วยการแสดงดนตรีในสวน บรรเลงบทเพลงไพเราะ โดยวง Royal Bangkok Symphony Orchestra (RBSO) ในวันที่ 15 ธันวาคม อีกด้วย
รมว.กก. ร่วมพิธีเผาเทียน และพิธีลอยประทีปพระราชทาน และชมการแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวชมงานกว่า 340,000 คน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (27 พ.ย.66) เวลา 19.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยานายกรัฐมนตรี โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.) และคณะ ได้เดินทางไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย เพื่อเป็นประธานในพิธีเผาเทียน เล่นไฟ หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พร้อมร่วมพิธีลอยพระประทีปพระราชทานและชมการแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ณ ตระพังกวน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทยซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่สำคัญของไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับพื้นที่ และโดยรวมของประเทศตามนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้สวมผ้าไทยลายจกของจังหวัดสุโขทัยร่วมพิธีดังกล่าวด้วย สำหรับงานเผาเทียน เล่นไฟ สุโขทัย 2566 เป็นส่วนหนึ่งของงานประเพณีลอยกระทง ซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย โดยปีนี้จัดงานตั้งแต่วันที่ 18 - 27 พ.ย. 2566 ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงานมีประชาชนและนักท่องเที่ยวสนใจเข้าเที่ยวชมงานกว่า 340,000 คน ส่งผลดีกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างคึกคัก
ททท. ชวนสืบสานวัฒนธรรมไทยกับเทศกาล “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ณ คลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพมหานคร วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ณ คลองผดุงกรุงเกษม(ย่านหัวลำโพง) กรุงเทพมหานคร พร้อมกันนี้ นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางวรนุช ภู่อิ่ม รองปลัดกระทรวงการคลังและคณะกรรมการ ททท. นายกิตติ พรศิวะกิจ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมด้วยทูตานุทูตหลายประเทศให้เกียรติเข้าร่วมงาน โดย ททท. นำส่งประสบการณ์ใหม่ Amazing Experience สะท้อนคุณค่าของประเพณีลอยกระทงตามวิถีไทย ภายใต้คอนเซปต์ “Moonlight Reflection Loi Krathong Along the Canal” สร้างสีสันบนผืนน้ำด้วยไฮไลต์สายธารประทีป 5 พื้นที่อัตลักษณ์ ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด และการแสดง Lighting Illumination Show ตลอดระยะเวลาจัดงาน หวังบูมรายได้พื้นที่กรุงเทพฯ 1,215 ล้านบาท นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายต่อเนื่องในการส่งเสริม Soft Power และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายว่าประเทศไทยจะต้องเป็นผู้นำในด้านเฟสติวัลของโลก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. ขานรับนโยบายดังกล่าว และได้ Kick off กิจกรรมสำคัญ ภายใต้ Thailand Winter Festival “งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ปี 2566 ในวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2566 ณ คลองผดุงกรุงเกษม ย่านหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเทศกาลแรกในฤดูกาลท่องเที่ยวและเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 299,730 คน-ครั้ง และรายได้ทางการท่องเที่ยว 1,215 ล้านบาท ปีนี้ ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความสุขรับประเพณีลอยกระทง เน้นย้ำความสุขและความงดงามของ “วิถีไทย” พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางคลองในเมืองหลวงให้กลับมามีชีวิตชีวา โดยแต่งแต้มสีสันคลองผดุงกรุงเกษมในคืนวันเพ็ญ ภายใต้แนวคิด “Moonlight Reflection Loi Krathong Along the Canal” จัดเต็มไฮไลต์การแสดงแสงเสียง “Lighting Illumination Show” ผ่านกระทงประดับไฟ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานประเพณี 5 พื้นที่เอกลักษณ์ ได้แก่ โคมล้านนา สัญลักษณ์ของประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่, กระทงใบลาน สัญลักษณ์ของประเพณีเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย, กระทงจากกะลามะพร้าว สัญลักษณ์ของประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง จังหวัดตาก, กระทงกาบกล้วย สัญลักษณ์ของประเพณีลอยกระทงกาบกล้วย จังหวัดสมุทรสงคราม และกระทงรวงข้าว สัญลักษณ์ของประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างการรับรู้ถึงคุณค่าของประเพณีไทย เช่น การแสดงทางวัฒนธรรม กิจกรรมสาธิตอาหารชาววังและกระทงเอกลักษณ์ 5 พื้นที่ รวมทั้งตลาดย้อนยุครัตนโกสินทร์จัดจำหน่ายอาหารไทยให้ได้เลือกซื้ออย่างเพลิดเพลิน ไม่เพียงเท่านั้น ภายในพิธีเปิดฯ พบกับพิธีเฉลิมฉลองประเพณีลอยกระทง ขบวนแห่ประเพณีลอยกระทง โดยนางสาวแอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022 แต่งกายชุดนางนพมาศ ร่วมขบวนด้วย เทศกาลลอยกระทงปีนี้ ททท. ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience ที่มีคุณค่าและความหมายแก่นักท่องเที่ยว พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเพณีลอยกระทงมิติใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบสู่ความยั่งยืน (Sustainable Tourism) จึงรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ 1 ครอบครัว 1 กระทง เพื่อลดปริมาณกระทงในช่วงเทศกาล รวมทั้งภายในพื้นที่จัดงานมีการบริหารจัดการขยะจากกระทง และให้นักท่องเที่ยวร่วมสืบสานประเพณีไทยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรม DIY ประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระทงกะลามะพร้าว กระทงใบลาน กระทงกาบกล้วย นอกจากนี้ ททท. ยังได้สนับสนุนและประชาสัมพันธ์การจัดงานประเพณีลอยกระทง 5 พื้นที่อัตลักษณ์ทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด ทั้งได้ให้ความร่วมมือของภาคเอกชนร่วมจัดงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ICONSIAM CHAO PHRAYA RIVER OF ETERNAL PROSPERITY ลอยกระทงบนสายน้ำแห่งความเจริญรุ่งเรือง และงาน Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ณ 10 พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรวิหาร วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ท่ามหาราช ท่ายอดพิมาน ล้ง 1919 สุขสยาม และเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ และขอเชิญชวนสัมผัสประสบการณ์งานประเพณีลอยกระทงในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ อาทิ งานประเพณีลอยกระทงตาลปัตร 2566 จ.พระนครศรีอยุธยางานประเพณีลอยกระทงย้อนยุค จ.ลพบุรี ประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน จ.ลำปาง เทศกาลโคมแสนดวง จ.ลำพูน เทศกาลลอยพระประทีปพระราชทานสิบสองเพ็งไทสกล กระทงดอกผึ้ง จ.สกลนคร ท่องเที่ยววิถีภูเก็ต ลอยกระทง ริมเลพานหิน จ.ภูเก็ต เป็นต้น ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนผู้เยี่ยมชาวไทยในช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมชาวไทยประมาณ 2.04 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวอยู่ที่ 6,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อันจะช่วยให้เกิดการเติบโตของท่องเที่ยว สร้างโอกาสทางธุรกิจ และส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตต่อไป
“รมต.สุดาวรรณ” มอบรางวัลผู้ชนะเลิศ การประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(รมว.กก.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2568 / ค.ศ.2025 โดยมี นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. และคณะผู้บริหาร กกท. เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย ตามที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จัดการประกวดออกแบบการประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ระดับประชาชนทั่วไปขึ้น ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2568 / ค.ศ.2025 เพื่อคัดสรรผลงานนำไปใช้ประจำการแข่งขันสำหรับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยเปิดให้ผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดระหว่างวันที่ 20 กันยายน – 25 ตุลาคม 2566 ภายหลังจากการเปิดรับผลงานมีผู้ที่สนใจร่วมส่งผลงานการออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) เข้าร่วมการประกวดกันอย่างเป็นจำนวนมาก นั้น ทั้งนี้คณะกรรมการตัดสิน ได้ให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบตัดสิน นำเสนอผลงานรอบสุดท้าย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ก่อนที่คณะกรรมการสรุปผลการตัดสิน และประกาศผลงานการประกวดรางวัลทั้งหมด ดังนี้ -กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ผู้ชนะเลิศการประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายเรืองวิทย์ ภู่ธราภรณ์ และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายไพโรจน์ อยู่จ่าย และนายฐปนนท์ อ่อนศรี ผู้ชนะเลิศการประกวดสัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายทวิช จิตเที่ยง และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายนพดล อนันต์ถาวร และ น.ส.ศริยา หรรษาเวก ผู้ชนะเลิศการประกวดคำขวัญ (Motto) ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายพลจิตร สาไชยยันต์ คำขวัญ คือ “Amity of ASEAN” รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายทวิช จิตเที่ยง คำขวัญ คือ “Unity is Power” และนายสุรัตนชัย ชื่นตา คำขวัญ คือ “The power of friendship” -กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ผู้ชนะเลิศการประกวดตราสัญลักษณ์ (Logo) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายอดิศักดิ์ ม่วงคง และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายอัฑฒ์อิศรา รักปลื้ม และนายสมชาย นิลแก้ว ผู้ชนะเลิศการประกวดสัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายนพดล อนันต์ถาวร และรางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายอภิชัย ผ่องภิรมย์ และนายเผ่าพันธ์ พงศ์พิธธน ผู้ชนะเลิศการประกวดคำขวัญ (Motto) ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายถวัลย์ ดิษฐสุธรรม คำขวัญ คือ “Create pride together” รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ นายสุรัตนชัย ชื่นตา คำขวัญ คือ “Opportunity and Equality” และนายหาญ พิริยะสงวนพงศ์ คำขวัญ คือ “Power of ASEAN” สำหรับตราสัญลักษณ์ (Logo) คำขวัญ (Motto) สัญลักษณ์นำโชค (Mascot) ที่ชนะเลิศการประกวดในครั้งนี้ จะยังไม่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เนื่องจากจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ และต้องรอการพิจารณาประกาศการใช้งานอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ ประเทศไทย กำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ.2568 / ค.ศ.2025 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 โดยมี 3 จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร, จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ส่วนกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 กำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2569 โดยมี จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ.